ดูบรอฟนิก
มรดกโลกแห่งที่ 1 แห่งโครเอเชีย Old City of Dubrovnik
Old City of Dubrovnik
ทัวร์โครเอเชีย ทริปนี้เราแนะนำ ดูบรอฟนิก เมืองท่องเที่ยวสำคัญของแคว้นดัลมาเซีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย ริมฝั่งทะเลเอเดียรติก มีความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมของอาคารบานเรือนและกำแพงเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 13 จนได้รับฉายาว่าเป็น “The Pearl of the Adriatic” หรือ ไข่มุกแห่งเอเดรียติก ประวัติศาสตร์ของเมืองดูบรอฟนิก ย้อนหลังไปถึศตวรรษที่ 7 เมื่อครั้งยังเป็นเมืองเล็กๆ ชุมชนของผู้ลี้ภัยจากนิคม Epidaurum (ปัจจุบันคือเมือง Cavtat) ซึ่งถูกรุกรานโดยชนเผ่าอาวาร์และพวกสลาฟ บรรดาผู้รอดชีวิตต่างมุ่งหน้าขึ้นเหนือและตั้งรกรากอยู่ที่นี่จนกระทั่งปี ค.ศ. 1358 จึงได้สถาปนาขึ้นเป็นสาธารณรัฐรากูซา (Republic of Ragusa) อย่างเป็นทางการกลายเป็นเมืองท่าอันมั่งคั่งที่มการขยายอิทธิพลแข่งขันกับสาธารณรัฐเวนิสเรื่อยมา
ราวศตวรรษที่ 15-16 ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของสาธารณรัฐรากูซา ที่แม้จะตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิออตโตมัน แต่ก็ได้รับสิทธิพิเศษในการเดินเรือและการคุ้มครอง
ในปี ค.ศ. 1667 เกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงคร่าชีวิตชาวเมืองไปกว่า 5,000 คน รวมไปถึงอาคารบ้านเรือนและรบบสาธารณูปโภคต่างๆ ของเมืองได้รับความเสียหาย ยิ่งเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมชาวเมืองนี้เข้าไปอีก จนที่สุดต้องตกอยู่ใต้ปกครองของราชอาณาจักรอิตาลี (นโลเลียนแห่งฝรั่งเศส) กลายเป็นส่วนหนึ่งของนครรัฐอิลิเรียน (Illytrian Provinces) จวบจนฝรั่งเศสยอมแพ้สงครามอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1814 ในการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา (Congress of Vienna) เมื่อปี ค.ศ. 1815 มีมติให้รากูซาและราชอาณาจักรดัลมาเชียตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮับส์บูร์กแห่งจักรวรรดิ ออสเตรีย-ฮังการี ถือเป็นอันสิ้นสุดสถานะสาธารณรัฐรากูซาอย่างถาวร แม้จะมีความพยายามกอบกู้สาธารณรัฐนี้กลับขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่างใด
จะเห็นได้ว่าจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองดูบรอฟนิก นับตั้งแต่ยังเป็นเมืองรากซา ต่างก็รับเอาวัฒนธรรมจากชนชาติต่างๆ เข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิไบแชนไทน์ จักรวรรดิออตโตมัน เรื่อยมาจนถึงจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยสะท้อนให้เห็นผ่านทางสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทั้งอาคารบ้านเรือน โบสถ์ พระราชวัง หลายแห่งนับอายุย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 13 แม้ว่าจะผ่านภัยพิบัติต่างๆ ทั้งภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว รวมถึงสงครามแย่งชิงดินแดนก็ตาม เมืองโบราณ แห่งนี้ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างสง่างามมากกว่าพันปี ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติริมฝั่งทะเลเอเดรียต ได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองเก่าแก่ที่สวยที่สุดในยุโรป หรือในชื่อเรียกว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” ในปี ค.ศ. 1979 เมืองดูบรอฟนิกจึงดั้บการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ดูบรอฟนิก จึงเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันเมื่อมาเที่ยวโครเอเชีย