โบลิเวีย Bolivia
โบลิเวีย (Bolivia) ประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อแต่น้อยคนที่จะรู้จักว่าประเทศนี้มีอะไรบ้าง แม้แต่ฉันเองก็ขอสารภาพอย่างไม่อายว่า นอกจากทะเลเกลืออันโด่งดังฉันก็มีความรู้เกี่ยวกับประเทศนี้น้อยมาก เมื่อมีโอกาสแบกเป้เดินทางไปยังดินแดนลาตินอเมริกา จึงไม่พลาดที่จะเลือกประเทศเล็กๆ แห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสุดขอบโลกของฉัน โดยเฉพาะเมืองลาปาซ (Lapaz) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลกบนเทือกเขาแอนดีส
ความจริงแล้ว ลาปาซเป็น 1 ใน 2 เมืองหลวงของประเทศโบลิเวีย โดยมีเมืองหลวงหลักคือ ซูเกร (Sucre) ซึ่งเป็นเมืองหลวงด้านการปกครอง ส่วนลาปาซเป็นเมืองหลวงด้านการบริหาร ลาปาซยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีประชากรประมาณหนึ่งล้านคน รองจากเมืองซานตาครูซ เดลา เชียร์รา (Santa Cruz de la Sierra) ลาปาซตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำซูกียาปู (Chuqiyapu River) ตัวเมืองจึงเหมือนอยู่ในแอ่งกระทะที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโบลิเวีย ซึ่งเป็นที่ราบสูงที่สุดในโลก ที่ความสูงเฉลี่ยประมาณ 3,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ส่วนที่สูงที่สุดของเมืองประมาณ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เมืองลาปาซยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 เมืองมหัศจรรย์แห่งใหม่ของโลกปี พ.ศ. 2557 ซึ่งทำให้ชาวโบลิเวียต่างก็ดีใจกับการได้รับเลือกครั้งนี้ด้วย เพราะจะกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมกรุงลาปาซมากขึ้น สร้างรายได้จำนวนมหาศาลแก่ประเทศ
หุบเขาดวงจันทร์ Moon Valley
ภาพจาก https://www.vjv.com/the-americas-tours/bolivia
เดินทางลงสู่ทางใต้ของเมืองไปยัง หุบเขาดวงจันทร์ (Moon Valley หรือ Valle de la Luna) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลาปาซประมาณ 10 กิโลเมตร ผ่านอนุสรณ์ของชิมอน โบลิวาร์ (Simon Bolivar) ผู้เดินหน้าเรียกร้องเอกราชให้กับอเมริกาใต้จากการเป็นอาณานิคมของสเปน ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศโบลิเวียเท่านั้นจากคำบอกเล่าของไกด์ น่าเสียดายที่ตอนต่อสู้กับสเปนคนที่นี่สามารถรวมตัวกันได้ทั้งทวีป แต่มาทะเลาะกันเองภายหลังจนต้องแตกออกเป็นหลายประเทศ ส่วนตัวของโบลิเวียร์ก็ถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง และสุดท้ายเขาก็ตรอมใจที่ชาวลาตินอเมริกาต้องมาแตกแยกกันเองจนล้มป่วยและเสียชีวิตลง ชื่อประเทศโบลิเวีย จึงมีที่มาของวีรบุรุษของชาต่านนี้นี่เอง
เมื่อมาถึงหุบเขาดวงจันทร์ ต้องจ่ายค่าเข้าชมต่างหากคนละ 15 โบลิเวียโน ไกด์ก็พาเดินเข้าสู่โลกพระจันทร์ พร้อมบรรยายให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์อันน่าสนใจของที่นี่ ที่มาของชื่อหุบเขาดวงจันทร์ เริ่มมาจากเมื่อ นีล อาร์มสตรอง นักสำรวจชาวอเมริกันที่เคยไปเหยียบดวงจันทร์ เคยเดินทางมาที่นี่แล้วเปรียบเปรยว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนที่ดวงจันทร์มาก ภูมิประเทศที่เป็นหินตะปุ่มตะป่ำ รูปร่างแปลกตาและภูมิอากาศที่แห้งแล้ว จนมีแต่เพียงต้นกระบองเพชรที่เติบโตได้ในบริเวณนี้ เราใช้เวลาเดินขึ้นเดินลงอยู่บนโลกพระจันทร์นานเกือบชั่วโมง ไกด์บอกว่าพื้นที่ตรงหุบเขานี้เริ่มถูกรุกรานจากคนรวยที่มาสร้างอาคารบ้านเรือนหรือรีสอร์ตอยู่แถวนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าเสียดาย นอกจากธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจฉันรู้สึกเพลนกับการพูดคุยกับไกด์ เขาเล่าว่าประเทศโบลิเวียนับเป็นประเทศที่มีฐานะยากจนที่สุดหรือมีรายได้เฉลี่ยต่ประชากรต่ำที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ทั้งๆ ที่มีทัพยากรธรรมชาติมากมาย จนถูกเรียกว่าเป็น “ลาที่นั่งอยู่บนเหมืองทอง” โบลิเวียมีประวัติศาสตร์ที่น่าสงสาร เพราะในอดีตต้องเสียดินแดนให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเปรู อาร์เจนตินา บราซิล และชิลีไปซะเยอะ เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติและแร่ธาตุแปลกๆ ที่ประเทศอื่นๆไม่มี ทำให้ประเทศใหญ่ๆ ต่างจับจ้องเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ โดยเฉพาะการสูญเสียดินแดนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกให้กับชิลี ทำให้ปัจจุบันโบลิเวียเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล หรือที่เรียกว่า Landlocked Country นับเป็นเรื่องที่ชาวโบลิเวียยังคับแค้นเสียใจตั้งแต่อดีตจนมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน
ภาพจาก คม-ชัด-ลึก
สนามกีฬาแห่งชาติโบลิเวีย Estadio Hernando Siles
สถานีเคเบิลคาร์ เนื่องจากลาปาซเป็นเมืองที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่จึงมีเคเบิ้ลคาร์ที่สูงที่สุดในโลกไปด้วย ในเมืองอื่นๆ ของโลกอาจจะมีเคเบิ้ลคาร์เป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวเมืองมุมสูง ที่นี่เมืองลาปาซมีเคเบิ้ลคาร์หลายสายเพื่อให้ความสะดวกกับชาวเมืองใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน เป็นระบบการขนส่งสาธารณะอีกรูปแบบหนึ่งที่ให้ความสะดวกสบยสำหรับการขึ้นลงเขา หรือสำหรับคนที่ต้องการหลบหนีจากสภาพรถติดเบื้องล่าง เปรียบได้กับทางด่วนบ้านเรานั่นเอง ฉันแอบชื่นชมแนวการพัฒนาของรัฐบาลที่นี่ในเรื่องนี้ แถมทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ใช้บริการเป็นจุดท่องเที่ยวชมเมืองไปด้วย เราเริ่มต้นกันที่สายสีเขียว (Linea Verde) สภาพเคเบิลคาร์ดูใหม่และไม่แออัดอย่างที่คิด ไกด์บอกว่าเป็นเส้นทางที่เปิดให้บริการใหม่และอยู่ในพื้นที่ย่านคนรวยซึ่งส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ส่วนตัวใช้กัน เคเบิลคาร์ค่อยๆ พาเราสูงขึ้นเรื่อยๆ ชวนให้หวาดเสียวพอประมาณ แต่วิวเมืองด้านล่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก ช่วงแรกจะผ่านตึกสูงในย่านลิตเติลนิวยอร์ก (Little New York) ที่ส่วนใหญ่จะเป็นตึกอพาร์ตเมนต์สำหรับคนมีฐานะ ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของประเทศนี้และย่าน Plaza Isabella Catolica ที่มีแต่ตึกสูงสมัยใหม่เหมือนเมืองใหญ่ทั่วๆ ไป มองย้อนกลับไปไกลๆ เห็นภูเขาน้ำแข็งเป็นฉากหลังด้วยมีชื่อว่า อิยิมานี (Illimani) ไกด์ชี้ชวนให้ดูสนามกีฬา Estadio Hernando Siles ที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่าว่าเป็นสนามกีฬาที่อยู่สูงที่สุดในโลก จุคนได้ประมาณ 42,000 ที่นั่ง พร้อมเล่าติดตลกให้ฟังว่า แม้ฟุตบอลทีมชาติโบลิเวียจะสู้ชาติอื่นในอเมริกาใต้ไม่ได้ แต่ทีมฟุตบอลไม่ว่าจะเก่งยังไง ถ้ามาแข่งที่สนามในลาปาซรับรองแพ้ทุกราย ด้วยความสูงระดับนี้มักขึ้นชื่อในเรื่องอากาศที่เบาบาง เวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลที่นี่ มักสร้างความหวาดหวั่นให้ทีมเยือนอยู่เสมอ แม้แต่ทีมฟุตบอลอาร์เจนตินา ยังเคยบุกมาแพ้ยิบเยินที่โบลิเวียมาแล้วด้วยสกอร์ 6-1
ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่ผู้คนที่มาเที่ยวอเมริกา ยังไม่รู้จักกัน เราจึงขอแนะนำ โบลิเวียร์ เป็นอีกเมืองที่มีอะไรน่าสนใจอีกมากมาย