โซลทาวเวอร์ Seoul Tower
นัมซานจึงเป็นอีกแหล่งที่รวมความหลายหลายของกรุงโซล
ไม่ว่าจะเป็นสีสันตระการตาของขอบฟ้ากรุงโซลยามค่ำคืน หรือรั้วเหล็กที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยคำสัญญาระหว่างคู่รักจะทำให้โซลทาวเวอร์ดูโรแมนติกขึ้นแค่ไหน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า บนความสูง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลนั้นมอบความประทับใจเอาไว้เป็นของฝากต่อใครไว้เสมอ
ด้วยความที่สภาพภูมิศาสตร์กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของเกาหลีใต้ปกคลุมไปด้วยเทือกเขา ทัศนียภาพ 2 ข้างทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองจึงถูกสลับไปมาระหว่างเนินสีเขียวขนาบข้างด้วยทะเล พื้นที่เชิงเขาริมถนนหลายแห่งถูกปรับปรุงเป็นที่อยู่อาศัยรวมทั้งที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดย่อมเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองใหม่ การเติบโตดังกล่าวทำให้ กรุงโซลกลายเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ในปีที่ 3 ของการปกครองของราชวงศ์โชชอน (ปี ค.ศ. 1394) ซึ่งได้มีการย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงโซลและตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลากว่า 600 ปีแล้ว ที่กรุงโซลกลายเป็นกรุงศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการคมนาคม ในปัจจุบันประชาชนชาวเกาหลีใต้จำนวน 1 ใน 4 ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
กรุงโซล นอกจากจะมีการเก็บวัตถุโบราณของราชวงศ์โชชอนไว้มากมายแล้ว ในเวลาเดียวกัน ก็โดดเด่นในแง่ของความทันสมัย การผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองเก่า และเมืองใหม่ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ระหว่างทางเดิน ภาพอาคารโบราณแบบเกาหลีดั้งเดิมสลับกับตึกสูงทันสมัยสามารถพบได้ทั่วไปนี้เองก็ได้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของมนต์เสน่ห์ที่โซลร่ายสะกดไว้กับเหล่าผู้มาเยือน
มรดกตกทอจากอดีตอย่าง ประตูทงแดมุน และนัมแดมุน พระราชวังเคียงบกกุง ชางด๊อกกุง ชางเกียงกุง ถ๊อกชูกุง และเคียงฮุยกุง หลุมฝังศพกษัตริย์ต่างๆ อันรวมถึงฮองเนิง ชอนจองเนิงและซุงเคียนกวัน สถานบันสอนลัทธิขงจื๊อของกรุงโซล มักถูกจัดเป็นซิตี้ทัวร์ หรือวันเดีย์ทริปอยู่เสมอ พอๆ กับโรแมนติกแอเรียอย่าง ภูเขานัมซาน
ถ้ามาทัวร์เกาหลีถึงโซลแล้วไม่พูดถึงภูเขานัมซานก็คงจะเหมือนมาไม่ถึงเมืองหลวงของเกาหลีใต้ เพราะเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้วยความสูง 274 เมตร ทำให้นัมซาน กลายเป็นจุดศูนย์กลางด้าน ทัศนียภาพของกรุงโซลไปโดยปริยาย พื้นที่บริเวณโดยรอบภูเขานั้นถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น โรงละครแห่งชาติกรุงโซล ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม โคเรียเฮาส์ หมู่บ้านนัมชานกล ฮันอก สวนสัตว์เล็กๆ สวนพฤกษชาติ และหอคอยแห่งกรุงโซล แลนด์มาร์กสำหรับคู่รัก
การขึ้นไปบนเขานัมซานไม่ยาก โดยสามารถขึ้นกระเช้าไฟฟ้าจากสถานีเนินเขา หรือเดินขึ้นบันไดผ่านสวนพฤษศาสตร์นัมซานไปก็ได้ ทางด้านเหนือของเขานัมซานและเป็นที่ตั้งของโคเรียเฮาส์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้ สัมผัสรูปแบบวิถีชีวิตของชาว เกาหลี ในอดีตผ่านอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการบูรณะในสภาพที่ดั้งเดิม หลังจากย้ายมาจากตัวเมืองโซล ขณะเดินไปรอบๆ หมู่บ้าน ก็จะได้เห็นสถาปัตยกรรมเกาหลีที่มีเอกลักษณ์บ่อยครั้งที่นี่คือสถานที่จัดงานทางวัฒนธรรม รวมถึงงานแต่งงาน การแสดง ระบำหน้ากาก วาดภาพ และการสาธิตหัตกรรมและออกร้าน
สำหรับหมู่บ้านนั้น ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูเขานัมซาน มีสายน้ำไหลผ่านและมีศาลาชอนนูกัก แหล่งอาศัยของนกกระเรียน แหล่งพักผ่อนที่มีชื่อเสียงในฤดูร้อนของราชวงศ์โชชอน แต่ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของบ้านชนชั้นสูงในสมัยเมื่อ 600 ปีที่แล้ว และหากเดินไปจนสุดปลายสวนจะพบ Time Capsul ที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง กรุงโซล ครบ 600 ปี โดยจะรอเปิดอีกใน 400 ปีข้างหน้า (ค.ศ. 2394)
หอคอยเอ็นโซล (N Seoul Tower) หรือหอคอยกรุงโซล (Seoul Tower) บางครั้งเรียก “นัมซานทาวเวอร์” Namsan Tower เพราะตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1969 และเปิดให้เข้าชมเมื่อปี ค.ศ. 1980 หอคอยนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุงโซลเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่บนภูเขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโซล จะสามารถมองเห็นโซลทาวเวอร์ได้ ภายในตัวอาคารแยกเป็น 3 โซน คือ Tower, Plaza และ Lobby สำหรับโซนทาวเวอร์นั้นจะแยกออกเป็น 5 ชั้น เปิดเป็นร้านอาหาร และจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้โดยรอบ โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.00-23.00 น.
โซลทาวเวอร์ นอกจาก จะเป็นจุดชมวิวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของคู่รัก เพราะชั้นบนสุดของหอคอยก็มีหอดูดาว และภัตตาคารรวมทั้งจุดชมวิวแบบหมุนได้รอบทิศทาง เหมาะกับการนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศของกรุงโซลยามค่ำคืน นอกจากนี้หอคอยโซลยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งโลก อันเป็นที่เก็บวัตถุโบราณที่หายากและมีค่ามากกว่า 20,000 ชิ้นจาก 150 ประเทศ รวมทั้งมีโรงภาพยนตร์ 3 มิติเอาไว้รองรับแขกผู้มาเยือน โดยเสียค่าใช้จ่ายในการขึ้นหอคอย 7,000 วอน (หอดูดาว 7,000 วอน) การเดินทางขึ้นไปสู่หอคอยนั้นสามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้า (เที่ยวละ 7,000 วอน) นั่งรถประจำทาง (เที่ยวละ 700 วอน) แต่ถ้าอยากพิสูจน์รักแท้ก็สามารถเดินเกี่ยวก้อยคนข้างๆขึ้นไปได้ไม่ว่ากัน