เอสโตเนีย (Estonia)
เอสโตเนีย (Estonia)
การผสมผสานระหว่างยุคกลางและความทันสมัย
เอสโตเนียซึ่งเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในกลุ่มบอลติก ทั้งในด้านพื้นที่ซึ่งมีขนาดประมาณ 45,340 ตารางกิโลเมตร และจำนวนประชากรที่มีเพียงราว 1.3 ล้านคน กลับกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในภูมิภาคนี้
ปัจจุบันเอสโตเนียได้รับการยกย่องให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัล (Digital Hub) ของทวีปยุโรป ด้วยการเป็นประเทศแรกในโลกที่นำการเลือกตั้งออนไลน์มาใช้ และเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมต่าง ๆ สามารถทำได้ผ่านบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศนี้ได้ลงทุนและพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตอย่างครบครัน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้โดยไม่มีสะดุด เนื่องจากมีบริการ Wi-Fi ฟรีในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ แม้เอสโตเนียจะเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ แต่ยังคงรักษาและดูแลสถาปัตยกรรมโบราณจากยุคกลางไว้ได้อย่างดี ทำให้ประเทศนี้เป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงระหว่างอดีตและความเจริญในยุคปัจจุบัน พร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง
กรุงทาลลินน์ (Tallinn) เมืองหลวงของเอสโตเนีย เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลบอลติกทางเหนือ เมืองทาลลินน์เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าที่เรียกว่าวานาลินน์ (Vanalinn) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเมือง การสำรวจเริ่มต้นจากซุ้มประตูของหอคอยแฟต มาร์กาเร็ต (Fat Margaret Tower) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองโบราณ และปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ทางทะเลแห่งชาติ (Estonia Maritime Museum)
ภายในเมืองเก่า มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยจุดศูนย์กลางคือจัตุรัสกลางเมืองเก่า (Town Hall Square) ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านรวงสไตล์เก๋และคาเฟ่หลายแห่ง จึงกลายเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ยอดนิยมทั้งสำหรับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ภูมิทัศน์โดยรอบได้รับการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) และโกธิก (Gothic) โดยมีอาคารที่สำคัญที่สุดในละแวกนี้คือที่ว่าการเมือง (Tallinn Town Hall) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบโกธิก
ในเมืองเก่า ยังมีที่ทำการของรัฐสภาซึ่งตั้งอยู่ในปราสาททูมพี (Toompea Castle) ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงดงามภายในปราสาทได้ ใกล้เคียงกับปราสาทคือหอคอยพิกก์ เฮอร์แมนน์ (Pikk Hermann) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเอสโตเนีย
สำหรับผู้ที่หลงใหลในโบสถ์เก่า ไม่ควรพลาดมหาวิหารเซนต์แมรี่ (St. Marys Cathedral) ซึ่งเป็นวัดคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ทั้งโกธิก โรมาเนสก์ (Romanesque) และบาโรก (Baroque) อีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจคือมหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) ซึ่งสะท้อนอิทธิพลของรัสเซียด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ออร์โธด็อกซ์ (Russian Orthodox) และโดมทรงหัวหอม ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ให้มุมมองที่งดงามของเมืองเก่า
หากคุณต้องการชมวิวเมืองจากมุมสูง แนะนำจุดชมวิวโคทูออตซ่า (Kohtuotsa Viewing Platform) ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเห็นความงามของเมืองเก่าทาลลินน์ได้อย่างเต็มตาทั้งในช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก
หากคุณมีเวลาเพียงพอ แนะนำให้เดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ ในเอสโตเนียที่สามารถสร้างความประทับใจไม่แพ้เมืองหลวง:
1.เมืองตาร์ตู (Tartu) เมืองแห่งการศึกษาและวัฒนธรรมที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยตาร์ตู (University of Tartu) หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ
2.เมืองปาร์นุ (Parnu) เมืองตากอากาศริมทะเลที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายชิลล์ นอกจากจะมีรีสอร์ท สปา ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมายแล้ว ยังมีบ้านไม้สไตล์อาร์ตนูโวที่สวยงาม
3.เมืองวิจันดี (Viljandi) – เมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์ มีทะเลสาบที่สวยงาม (Lake Viljandi) และซากปรักหักพังของปราสาท (Viljandi Castle Ruins) ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลดนตรีประจำปี (Viljandi Folk Music Festival)
ใครที่สนใจท่องเที่ยวเส้นทางยุโรป Unseen ในอีกซีกโลกที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล ทั้งความงดงามคลาสสิกของประวัติศาสตร์เมืองเก่า ความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมโบราณที่ผสมผสานศิลปะบอลติกและรัสเซีย รวมถึงภูมิทัศน์งดงามของทะเลบอลติกที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ ห้ามพลาด ทัวร์บอลติก คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยยยย