เมืองลับแล อุตรดิตถ์
ลี้ลับ...ที่ลับแล
เรื่องเก่าเล่าขานกันมา..ชายหนุ่มเข้าไปในป่า เห็นหญิงสาวหลายคนเดินออกมาจากเมืองลับแล และซ่อนใบไม้สำหรับเข้าเมืองไว้ ชายหนุ่มแอบหยิบมาไว้ใบหนึ่งทำให้หญิงสาวนางหนึ่งกลับเข้าเมืองไม่ได้ ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนขอตามนางเข้าเมืองไปด้วย พอเข้าไปในเมืองชายหนุ่มจึงเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง หญิงสาวนางนั้นจึงอธิบายว่าคนในหมู่บ้านล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชายส่วนน้อยมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด ต่อมาทั้งสองรักใครกันจนมีบุตรชาย 1 คน วันหนึ่งชายหนุ่มผลั้งเผลอโกหกลูกชายที่ร้องไม่หยุดว่า “แม่มาแล้วๆ” เมื่อภรรยารู้เรื่องจึงบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย พร้อมมอบเสบียงอาหาร ของใช้ที่จำเป็นและขมิ้นใส่ย่าม ระหว่างทางชายหนุ่มรู้สึกว่าถุงย่ามี่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ขว้างทิ้งเสียแต่กลางทาง พอถึงหมู่บ้านก็เล่าเมืองลับแลให้เพื่อนๆ ฟัง และยืนยันคำพูดด้วยการเอาขมิ้นออกมาให้ดู และพบว่าขมิ้นกลายเป็นทองคำ จึงชวนพรรคพวกและญาติพี่น้องพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้กลายเป็นขมิ้นธรรมดาไปเสียหมดแล้ว และเขาพยามหาทางกลับไปเมืองลับแลเท่าไหร่ ก็ไม่สามรถกลับไปได้ จึงเป็นที่มาของเมืองแห่งสัจจะวาจา
ในแง่ของภูมิศาสตร์แล้ว ด้วยเมืองลับแลเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาสลับซับซ้อนประกอบกับแต่เดิมเองเป็นที่ที่การเดินทางไปมาไม่สะดวกมากนัก เส้นทางนี้ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น ทั้งๆ ที่อำเภอลับแล อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ไปเพียง 9 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ในปัจจุบันการไปที่เมืองลับแลสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น ทำให้ผู้คนหลายคนเลือกที่จะมาใช้วันหยุดพักผ่อนกันที่นี่ โดยเฉพาะนักดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรมและเกษตรกรรม โดยเฉพาะคนที่หลงใหลการปั่นจักยานที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง สามารถปั่นไปตามเส้นทางที่มีการประชาสัมพันธ์ทั้งปั่นซอกแซก เลาะลับแล หรือเส้นทางกินลม ชมวิว ณ ลับแล ซึ่งแต่ละเส้นทางก็จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของลับแลไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่า , พิพิธภัณฑ์ลับแล, วัดสำคัญ ต่างๆ ทั้งวัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง หรือหากใครจะออกแบบเส้นทางตามแต่ใจก็จะพาไปไม่ว่ากัน เพราะการปั่นจักรยานที่นี่สะดวกมาก ตลอดเส้นทางคุณจะได้เห็นท้องทุ่งนาสีเขียวขจีตัดกับท้องฟ้า สีฟ้าสด สลับกับภาพวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ชาร์จพลังอย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์ลับแล
และหากคุณมาในช่วงเดือนมิถุนายน และกรกฏาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูทุเรียนพันธุ์หลิน – หลงลับแล ทางอำเภอลับแลก็มีการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ชมสวนทุเรียน การเก็บเกี่ยวและขนทุเรียนข้ามภูเขา โดยใช้รอกลวดสลิง การชับขี่จักยานยนต์บรรทุกผลผลิตลงมาสูพื้นราบด้วยความชำนาญ หากคุณได้มาเห็น “ภูเขากินได้” อาจจะด้วยเหตุผลว่าสามีต้องทำสวนอยู่บนภูเขาเป็นเวลานาน ส่วนภรรยาก็ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกบนพื้นราบ ดังนั้นพอเวลาใครผ่านไปผ่านมาจึงมักจะเห็นเมืองทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง จนกลายเป็นที่มาของฉายาเมืองแม่ม่าย ก็เป็นได้
ลับแลในอดีตอาจเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ ตำนานเช่าขานที่ทำให้เข้าถึงได้ยาก วันนี้แม้ลับแลจะเปลี่ยนไป เปิดประตูให้ผู้คนเข้าไปได้มากขึ้น แต่ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมแลวิถีชีวิตต่างๆ ของชาวลับแลยังคงดำเนินอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รอให้เราได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองกับความเป็นลับแลที่ไม่ลี้ลับอีกต่อไป<<<