เมืองปาทัน
(Patan)
เป็นอีกเมืองที่เมื่อมาทัวร์เนปาลแล้ว ต้องมาเยี่ยมชมได้ได้นั่นคือ เมืองปาทัน (Patan) หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันว่า “ละลิตปูร์” (Lalitpur) แปลว่า “เมืองอันงดงาม” เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็น “มรดกโลก” และเป็น 1 ใน 10 แห่งของประเทศเนปาลที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก
เมืองปาทันเป็นเมืองเล็กอยู่ติดกับกรุงกาฐมาณฑุโดยมีแม่น้ำบักมาติกั้นแบ่งเขตอยู่ ตั้งอยู่บนที่ราบสูง อยู่ทางตอนใต้ของกาฐมาณฑุ เป็นศูนย์กลางงานวิจิตรศิลป์ และหัตถศิลป์ชั้นเยี่ยม ขนาดกะทัดรัด มีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในเขตหุบเขากาฐมาณฑุ
เมืองปาทันนี้เป็นเมืองของชาวพุทธ มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Nerwar Budishism” ชาวเมืองนี้ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยมีอิทธิพลของศาสนาฮินดูผสมปะปนอยู่ด้วย และมีความเป็นศิลปิน (Artist) อยู่ในตัวเชื่อกันว่าก่อตั้งโดยพระเจ้าอโศกมหาราชในราวพุทธศตวรรษที่ 3 แต่บางท่านก็เชื่อว่าสร้างโดยผู้นำที่ชื่อ Vira Dev เมื่อปี 842 ชาวเมืองปาทัน ภูมิใจในสายเลือดของพวกตนว่าเป็นกลุ่มชนที่สืบสายเลือดโดยตรงมาจากวงศ์ของพระพุทธเจ้าคือศากยะวงศ์ ฉะนั้นคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้จึงมีนามสกุลว่า “ศากยะ”(Sakya)
เมืองนี้มีถนนสายหลัก 4 สายด้วยกัน จะทอดตัวคล้ายเป็นรัศมีออกจากจัตุรัสบาร์ไปสู่สถูปอโซกา หรือ สถูปอโศก (Ashoka Stupa)ทั้ง 4 สถูป อันเป็นเครื่องหมายชี่พรมแดนของเมืองอีกด้วย
จารึกโบราณได้กล่าวว่า “ปาทันเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่อดีตบริเวณตลาดนัดมังกัลบะจาร์ (Mangal Bazaar) ซึ่งอยู่ติดกับจัตุรัสเดอร์บาร์ เคยเป็นที่ตั้งพระราชวังของพระเจ้ามณเทพ ในราวพุทธศตวรรษที่ 5” ในเมืองปาทันมีบาฮาล (หรือวิหาร) อยู่ราว 136 แห่ง และวัดที่สำคัญ 55 แห่ง รวมทั้งจัตุรัสเดอร์บาร์ของปาทันก็ได้รับการยกย่องว่ามีวางฝังเมืองที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
ขอแนะนำว่าเมื่อไปถึงเขตเมืองเก่าปาทัน อย่าเพิ่งก้าวเดินเข้าไปข้างในทันที ควรหาจุดมองจากมุมสูงเพื่อพินิจภาพรวมของทั้งเมืองก่อน จะได้รับรสสุนทรียภาพอันงดงามน่าทึ่ง กล่าวคือบริเวณโดยรอบจะมีร้านอาหารหรือภัตตาคารเล็กๆ ประเภทมีดาดฟ้าเพื่อให้ลูกค้านั่งชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย ควรจะไต่บันไดขึ้นไปชั้นบนสุด แล้วนั่งมุมเหมาะๆ สั่งชาใส่นมที่เรียกเป็นภาษาเนปาลีว่า “เจียดู๊ด” (เจีย แปลว่า ชา ดู๊ด แปลว่า นม) พร้อมของว่างมาแกล้ม ชื่อว่า “โมโม่” ทำมาจากเครื่องในไก่มาทอดหรือย่าง รูปพรรณเหมือนเกี๊ยวซ่า มีรสชาติแบบกลิ่นแขกๆใส่เครื่องเทศสมุนไพรค่อนข้างฉุน แต่ก็อร่อยดี น่าทดลอง
จากจุดนี้เราจะได้เห็นจากที่สูงของหมู่วิหาร วัด กลุ่มของพระราชวังได้อย่างชัดเจนมาก ช่างสวยงามน่าประทับใจและต่าตื่นตาจนต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกชนิดที่ไม่ต้องกลัวเปลืองฟิล์ม แล้วนั่งจิบน้ำชาใส่นมทอดสายตาทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ มองเห็นผู้คนเดินไปมากันขวักไขว่ เห็นหญิงในชุดส่าหรีมีผ้าคลุมไหล่ที่เรียกว่า “Shawi” สีสดใสตัดกับความเก่าคร่ำของสภาพแวดล้อมที่ส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐเผาสีส้มแดง ทำให้เกิดเป็นจินตนาการอันน่าทึ่งของตัวเอง ในวงล้อมแห่งอาณาจักรโบราณที่ย้อนกลับไปสัก 700 ปี ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากจุดที่อาณาจักรแห่งนี้เริ่มต้นเลย