เตรียมตัวไปเยอรมนี

            นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะไปเยือนมิวนิค หรือเมืองในเยอรมนีต้องมีวีซ่าเข้าประเทศเสียก่อน ติดต่อทำวีซ่าที่สถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เลขที่ 9 ถนนสาธรใต้ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-287-9000 เปิดทำการยื่นวีซ่าในวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.30 – 12.00 น. โดยนักท่องเที่ยวต้องมายื่นวีซ่าด้วยตัวเอง  และต้องนัดหมายเวลาล่วงหน้ากับศูนย์บริการข้อมูลของสถานทูตฯ ที่หมายเลข 1900-222-343  (คิดค่าบริการนาทีละ 9 บาท) ติดต่อวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. ศูนย์จะทำการบันทึกชื่อ-สกุล และหมายเลขหนังสือเดินทางของท่านไว้ จากนั้นท่านจะได้รับกำหนดนัดหมายเพื่อเข้าสัมภาษณ์ ผู้ที่ไม่ได้โทรนัดล่วงหน้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการยื่นวีซ่า หากไม่ประสงค์นัดหมายวัน-เวลายื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านศูนย์บริการ ท่านสามารถขอนัดหมายได้โดยตรงกับสถานทูตฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคำร้องต้องมาขอนัดหมายด้วยตนเองพร้อมแสดงหนังสือเดินทาง (ติดต่อในเวลา 14.00-15.30 ทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ที่บริเวณหน้าประตูสถานทูตฯ)

>>เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าคือ หนังสือเดินทาง ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน, สำเนาการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักตลอดการเดินทาง, รูปถ่าย 2 ใบ, เอกสารรับรองการเงินและการเงิน, หลักฐานการประกันสุขภาพ, ค่าธรรมเนียมวีซ่า 60 ยูโร หรือประมาณ 3,000 บาท พร้อมกรอกแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าให้ครบถ้วน

>>หากมีวีซ่าเช็งเก้นอยู่แล้วและยังไม่หมดอายุ สามารถเข้าประเทศเยอรมนีได้เลยทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มการยื่นวีซ่าพร้อมระเบียบล่าสุดได้ที่ www.bangkok.diplo.de

             ตั้งอยู่ที่ถนน Prinzenstasse 13, 80639 Munich  หมายเลขโทรศัพท์ (089) 1689788-9

หลายสายการบิน บินสู่เยอรมนีจากประเทศไทย เป็นต้นว่า การบินไทยซึ่งมีเที่ยวบินตรงสู่มิวนิคทุกวัน, ลุฟท์ฮันซ่า มีเที่ยวบินสู่แฟรงก์เฟิร์ต และต่อถึงมิวนิคได้เลย, นอกจากนี้สายการบินชาติยุโรป, ชาติตะวันออกกลาง และสายเอเชีย ต่างมีเที่ยบินต่อเข้ามิวนิคเป็นตัวเลือกให้ผู้โดยสารเลือกใช้บริการตามราคาและเวลาที่พอใจ อาทิ สายการบินโอมานแอร์ แอร์เบอร์ลิน, เอทิฮัด, เอมิเรตส์, สายการบินการ์ตาร์, ออสเตรียนแอร์ไลน์, ฟินน์แอร์, เตอร์กิชแอร์ไลน์, โคเรียนแอร์ เป็นต้น

              มิวนิคได้รับอิทธพลจากเทือกเขาเขาแอลป์ ในแต่ละฤดูกาล อาจต้องเตรียมตัวรับกับอุณหภูมิทีขึ้นลงอย่างรวดเร็วและน้ำที่ตกลงมา (ในทุกรูปแบบ) ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาจมีทั้งฝนตก แดดออก หิมะตก เดือนมิถุนายน กรกฏาคม  และสิงหาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของปี แต่ฝนฟ้าคะนองก็อาจคืบคลานมาคลายความร้อนได้ เมื่อใบไม้เปลี่ยนสี ส่งผลให้ผู้คนออกมาดื่มด่ำไออุ่นและแสงแดดซึ่งกันว่า Altweibersommer (Old wive’s summer) ขณะที่หน้าหนาวก็เย็นเยือกด้วยหิมะกระหน่ำ

ทั้งนี้ มิวนิคสามารถไปเยือนได้ตลอดปี แต่ช่วงที่อากาศสบายๆ ไม่หนาวหรือร้อนเกินไปคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) หน้าร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) แดดร้อน (แต่อาจมีฝนตก) เป็นช่วงที่คนออกไปเทียว มีงานรื่นเริงตามจัตุรัส เบียร์การ์เด้นมีชีวิตชีวา ครั้นฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) อากาศเริ่มเย็น ลมแรง พอเข้าฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธุ) อากาศเย็นจัด  โดยเฉพาะเมือ่ไปแถบภูเขาหรือขึ้นยอดเขา Zugspitze จะหนาวสั่นทีเดียว

เวลา

             เวลาในเยอรมนีช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง (เดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคม) แต่ในหน้าร้อนจะช้ากว่า 5 ชั่วโมง (อาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมถึงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม)

ช่วงหน้าร้อนและฤดูใบไม้ผลิ กลาวันยาวนานด้วยพระอาทิตย์จะอ้อยอิ่งจนสามทุ่มและขึ้นใหม่อีกทีตอนตีห้า ในทางตรงข้าม ยามหน้าหนาวและใบไม้ร่วง แค่สี่โมงเย็น ฟ้าก็มืดแล้วกว่าพระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าก็แปดโมงเช้า ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาเพื่อการใช้ชีวิต

           การแลกเปลี่ยนเงินตราสามารถแลกเป็นเงินยูโรไปได้จากเมืองไทยเลย อย่างไรก็ตาม มีสถานที่รับแลกเงินอยู่ทั่วไป เคาน์เตอร์แลกเงิน (Travel Center SSKM) สามารถแลกเช็คเดินทางได้ด้วย ตั้งอยู่ Reisecenter Stadsparkasse Sparkasenstrasse 2 เปิดทำการในวันจันทร์ถึง พุธ และ ศุกร์ เวลา 08.45-16.00 น.  วันพฤหบดีเปิดถึง 18.00 น.

แม้เงินสดจะเป็นที่นิยมมากกว่า แต่เครดิตการ์ด โดยเฉพาะวีซ่า, มาสเตอร์การ์ด หรือ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ก็ใช้ได้ทั่วไป ไม่ว่าโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า หรือการเดินทาง ทั้งนี้สามารถใช้บัตรเครดิตเบิกเงินสดจากเครื่องเอทีเอ็มได้ด้วย

           ธนาคารเปิดทำการจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.30-12.30 น. และ 13.30-15.30 น. วันพฤหัสฯ เปิดจนถึง 17.30 น. ธนาคารบางสาขาในใจกลางเมืองอาจเปิดในช่วงพักกลางวันด้วย ขณะเดียวกัน สาขาที่สถานีรถไฟกลางมิวนิค เปิดทุกวันไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 06.00-23.00 น. ส่วนที่สนามบินมิวนิคเปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-20.30 น. หากต้องการแลกเช็คเดินทาง ควรสอบถามค่าธรรมเนียมเสียก่อน บางธนาคารชาร์จไปหลายยูโร เช่นเดียวกับการแลกเงินตรา ที่ควรสอบถามค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่นเสียก่อน

เต้ารับปลั๊กไฟใช้ขาเสียบชนิด 2 ตาหัวกลม กระแสไฟฟ้า 230 โวลต์ 50 เฮิร์ซ

น้ำประปาในเยอรมนีสะอาดมาก สามารถดื่มน้ำจากก๊อกได้เลย

           โทรศัพท์สาธารณะในเยอรมนีส่วนใหญ่ใช้บัตรโทรศัพท์ บางเครื่องใช้แบบหยอดเหรียญ บางเครื่องใช้ได้ทั้งสองแบบ บัตรโทรศัพท์มีมูลค่าตั้งแต่ 5, 15 และ 25 ยูโร

            การโทรกลับเมืองไทย กด 00 66 (รหัสประเทศไทย)  + รหัสเมือง (2-กรุงเทพฯ, หรือรหัสมือถือ) + หมายเลขโทรศัพท์

โทรศัพท์สาธารณะจะเป็นสีชมพูหรือสีเหลือง  ซึ่งต้องโทรด้วยบัตรโทรศัพท์เท่านั้น บัตรโทรศัพท์ (Telefonkarte)  หาซื้อได้ที่ร้านขายหนังสือหรือแผงขายหนังสือพิมพ์ และในห้างสรรพสินค้า มีราคาตั้งแต่ 6-25 ยูโร ควรโทรในช่วงเวลา 08.00-18.00 น. ของวันจันทร์ถึงศุกร์ และตลอดวันเสาร์และอาทิตย์ ค่าโทรศัพท์จะถูก

อินเตอร์เน็ตคาเฟ่มีอยู่ทั่วเมือง ให้นักท่องเที่ยวได้จิบคาปูชิโน่ พร้อมส่งข่าวคราวหรือ เช็คอีเมล์จากโลกไซเบอร์ บางแห่งหากสั่งเครื่องดื่มจะได้บริการฟรี

            Apotheke หรือร้ายขายยา  เปิดทำการตลอด 24 ชั่วดมงในทุกๆ ละแวกบ้าน โดยจะเปลี่ยนร้านไปทุกคืน ร้านขายยาทุกแห่งจะมีป้ายบอกไว้ว่าร้านขายยาใดที่ใกล้ที่สุดที่เปิดตลอดคืนในวันนั้นๆ  การซื้อยาที่นี่ต้องมีใบสั่งแพทย์  ยกเว้นยาประจำบ้าน นอกจากนี้ ยังมีราคาแพงด้วย ดังนั้น ควรพกยาสามัญประจำบ้าน จำพวกปวดหัว ตัวร้อน ท้องเสีย ท้องผูก ติดตัวไป ใครที่มีโรคประจำตัวหรือโรคที่พร้อมจะกำเริบได้ทุกเมื่อ (เช่น โรคกระเพาะอาหาร ไมเกรน) ควรนำยาติดตัวไปด้วย หากเป็นอะไรขึ้นมาจะหมดสนุกเปล่าๆ

           มิวนิคเป็นเมืองมีระดับ ดังนั้นจึงมีโรงแรมระดับ 5 ดาวและชั้นเดอลุกซ์มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าราคาค่อนข้างสูง และจะสูงมากในช่วงเทศกาล October Fest  ซึ่งทีพักถูกจองล่วงหน้านานนับปี ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศแบบพื้นบ้านเยอรมัน ควรหาที่พักในแถบ Lehel หรือในเขต English Garden ที่มีโรงแรมสไตล์พื้นเมืองซึ่งให้วิวอีกฟากของสวนสาธารณะสวยสุดใจ หลายโรงแรมมักเป็นตึกเก่าแก่โออ่า  อย่างเช่น โรงแรม kmpinski Vier jahreszeiten โรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ดัดแปลงมาจากอาคารในสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนแมกซิมิเลียน อันเป็นถนนที่สวยที่สุดของมิวนิค