เจดีย์เถียนมู่
หากท่านได้มาทัวร์เวียดนาม พลาดไม่ได้กับเจดีย์เถียนมู่ ที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของเมืองเว้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม (Perfume River) เมืองเว้ สร้างขึ้นราว ปี พ.ศ.2144 เจ้าผู้ปกครองเมืองเว้ ในขณะนั้น ในขณะที่ท่านได้ล่องเรือเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของบ้านเมืองอยู่นั้น ก็ได้ยินเรื่องเล่าของชาวบ้านบริเวณนี้เข้าว่าเคยมีคนเห็นหญิงมีอายุคนหนึ่ง สวมชุดสีแดง ฟ้า นั่งเช็ดแก้มปรากฏกาย ตรงบริเวณภูเขาที่ได้สร้างเจดีย์ในปัจจุบัน หญิงนางนี้ได้บอกว่าให้สร้างเจดีย์บริเวณนี้และจะนำสันติสุขมาสู่เมือง เมื่อขุนนางระดับผู้ใหญ่ ได้ผ่านมาและทราบเรื่องเข้าจึงสร้างเจดีย์ขึ้น และให้ชื่อว่า เถียนมู่ มีความหมายว่า เจดีย์นางฟ้า หรือ คนไทยเรียกว่า วัดเทพธิดาราม
วัดเถียนมู่แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานิกายเซน และมีจุดเด่นคือเจดีย์เถียนมู่ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1710 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยมคล้ายจีน สูงทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีความเชื่อว่าเป็นตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ทางด้านซ้ายและด้านขวาเป็นที่ตั้งของศิลาจารึกระฆังสำริดขนาดใหญ่หนัก 2 ตัน ทางด้านหลังเจดีย์เป็นประตูทางเข้าสู่บริเวณภายในวัด มีรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ยืนเฝ้าประตูเพื่อไม่ให้ความชั่วร้ายเข้ามา เจดีย์เทียนมู่เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมของจีนและความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายานผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวนอกจากในแง่ของพระพุทธศาสนาแล้ว เจดีย์เทียนมู่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองและอำนาจ
โดยเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวัดเจดีย์เทียนมู่คือ รถออสตินสีฟ้า ที่ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ภายในวัดแห่งนี้ โดยมีประวัติว่าในปี พ.ศ. 2506 พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัย 73 ปี เจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ ทนเห็นความทารุณโหดร้ายจากการใช้อำนาจของรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ได้ จึงได้ขับรถคันนี้ซึ่งเป็นพาหนะไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์ซิตี้ในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ส. 2506 เพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลโงดินห์เดียมที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและบังคับให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกและใช้ความรุนแรง เหตุการณ์อัศจรรย์ที่สร้างความงุนงงจากเหตุการณ์นี้ก็คือ หลังจากร่างของท่านได้ถูกเผาไหม้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่ไหม้นั่นคือ “หัวใจ” ของท่านทำให้เกิดแรงศรัทธาจากมหาชนมากมาย หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง รถออสตินคันสีฟ้าคันนี้จึงถูกนำมาเก็บไว้ในสถูปทองคำวัดเทียนมู่จนถึงปัจจุบัน
สำหรับการมาทัวร์เวียดนามครั้งนี้ ไกด์ได้แนะนำว่า หากท่านมาวัดเจดีย์วัดเถียนมู่ การเดินผ่านประตูแห่งโชคลาภ แนะนำว่า ควรเดินเข้าประตูทางขวาสุด และออกทางขวาสุดเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่า เป็นการต้อนรับโชคลาภและสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต นั่นเอง ภายหลังทางวัดได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมสถูปทองคำอย่างใกล้ชิดแล้ว แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าชมบรรยากาศความสวยงามได้โดยรอบ เรียกได้ว่า วัดแห่งนี้จึงเรียกได้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของเวียดนามในยุคหลังเช่นกัน