เกาะฟอร์โมซา
ถ้าถามว่า เที่ยวไต้หวันมีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง คนที่นี่คงร่ายยาว แต่ในทริปสั้นๆ นี้เราเลือกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่เย้หลิ่ว จุดเหนือจุดของเกาะไต้หวัน ใช้เวลาเดินทางจากเมืองตั่นสุ่ย 1 ชั่วโมง เพื่อไปชมมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
เกาะ “ฟอร์โมซา” ที่คนไทยรู้จักกันในนาม “ไต้หวัน” แรกทีเดียวนึกภาพไม่ออกว่าประเทศนี้จะเป็นจีนแบบไหน แต่แล้วเมื่อได้ไปสัมผัสก็เผลอใจหลงเสน่ห์เข้าจนได้ ที่นี่มีทั้งธรรมชาติงดงาม อาหารอร่อย และผู้คนเพียบพร้อมไปด้วยมารยาทและระเบียบวินัย จากสุวรรณภูมิถึงสนามบินเจียงไคเช็ค ต้องหมุนเวลาเร็วอีก 1 ชั่วโมง บินผ่านน่านฟ้า ประเทศลาว เวียดนาม ออกสู่ทะเลจีนใต้ มุ่งหน้าสู่ตอนเหนือของเกาะไหหลำ เถาหยวน หากนึกภาพไม่ออกว่า ไต้หวันอยู่มุมไหนของเอเชียกันแน่ ให้นึกถึงฮ่องกงและมาเก๊าเป็นที่ตั้งไต้หวันจะอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าเลยไต้หวันไปก็จะเป็นเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ที่หลายคนกำลังคลั่งไคล้กันอยู่
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ดูจากเวลาแล้วเรามุ่งหน้าไปรับประทานอาหารเย็นบนยอดหอคอยสูง ซึ่งเป็นโรงบำบัดขยะ ทว่ายอดบนสุดทำเป็นร้านอาหารแสนโรแมนติค หมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา อิ่มหนำสำราญแล้วจึงเคลื่อนย้ายร่างกายไปช้อปปิ้งกันที่ ถนนโบราณตั่นสุ่ย ตลาดโบราณแห่งนี้ เปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สิ่งที่ควรลองก็คือ “ไข่เหล็ก” หรือ “เถียต่าน” ชิมแล้วซื้อไปเป็นของฝากก็ยังได้ รสชาติคล้ายกับไข่พะโล้บ้านเรา แต่เนื้อเหนียวเพราะผ่านการเคี่ยวมานาน มีทั้งไข่นกกระทาและไข่ไก่ ขายกันแบบเป็นล่ำเป็นสัน นักท่องเที่ยวที่สนใจบรรยากาศแบบกินลมชมวิว มีรถไฟวิ่งสุดสายมาที่นี่ด้วย
สำหรับเมืองโบราณตั่นสุ่ย เป็นเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง มีแม่น้ำสำคัญหมือนกับแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเรา ไกด์สาวเล่าว่า ไต้หวันเป็นประเทศของชนเผ่าดั้งเดิมของจีน ซึ่งมีอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน อพยพมาอยู่เกาะนี้ในสมัยราชวงศ์ถัง จนกระทั่งโปรตุเกสมาถึงเกาะนี้ แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า “ฟอร์โมซ่า” ส่วนชาวดัทช์ที่มาตั้งถิ่นฐานทำการค้าอยู่ก่อนก็ถูกไล่ออกไป
ในยุคแมนจูเรืองอำนาจ พ.ศ.2205 ปีถัดมา ไต้หวันกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีน หลังสงครามจีนกับญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ.2437-8 ไต้หวันถูกญี่ปุ่นยึดครอง นำความทันสมัยมาให้ มีการสร้างถนนหนทาง รวมทั้งทางรถไฟ กระทั่งปี พ.ศ.2488 ญี่ปุ่นคืนไต้หวันให้กับจีน สี่ปีต่อมา “เจียงไคเช็ค” หนีจากแผ่นดินใหญ่เดินทางมายังเกาะนี้และเป็นผู้นำที่ชาวไต้หวันเคารพจนถึงทุกวันนี้
Photo from TheFootball pantip.com
จิ่วเฟิ่น เป็นแหล่งเหมืองทอง ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันไม่มีทองเหลืองอยู่แล้วจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทีสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นถนนคนเดินเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดแล้ว ยังได้ชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามและสูดอากาศบริสุทธิ์กันจนชุ่มปอดเลยทีเดียวที่สำคัญบริเวณนี้มีร้านอาหารมากมาย ยิ่งกว่าถนนสายอาหารที่เกาะไทปาของมาเก๊าหลายเท่าตัว เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ไต้หวันโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและฮ่องกง ของน่าซื้อในตลาดก็ได้แก่ เผือกเชื่อม, โมจิ, ลูกชิ้นปลา, รองเท้าเกี๊ยะ แบบสั่งทำแล้วรอรับได้เลย นอกจากนี้ก็มีโปสการ์ดไม้ เสื้อผ้า ฯลฯ เรียกว่าถูกใจนักช้อปอย่างยิ่ง
ทว่ามาถึงไต้หวันทั้งที จะมัวแต่พิรี้พิไรอยู่ในชนบทก็ใช่ที่ ประเทศเขาขึ้นชื่อเรื่องความทันสมัยไม่แพ้ใคร จุดหมายอีกแห่งทีพลาดไม่ได้ก็คือ ไทเป ที่นี่เราได้ไปชมความสูงของตึกอี้หลิงอี้ หรือ ตึกระฟ้าไทเป 101 ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านวิศวกรรมที่ชาวไต้หวันภูมิใจ ตึกนี้มีความสูง 508 เมตร ออกแบบโดยวิศวกรชาวไต้หวัน ผสมผสานสถาปัตยกรรมของเอเชียตะวันออกแบบดั้งเดิมกับสถาปัตยกรรมแบบไต้หวันไว้อย่างลงตัว
ตัวอาคารมองดูคล้ายปล้องไผ่ 8 ปล้องต่อกัน นอกจากเป็นจุดชมวิวที่สุดแล้วยังรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้สูงถึง 7.6 ริกเตอร์ มีการติดลูกตุ้มเหล็กขนาดใหญ่หนัก 900 ตัน ทำหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือน ไม่ให้อาคารสั่นไหว สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวชั้น 89 ต้องซื้อบัตรผ่านประตูก่อน จึงจะสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์อันงดงามรอบกรุงไทเปได้ โดยมีเฮดโฟน บรรยายในแต่ละจุดด้วย