สะพานโฮเอินซอลเลิร์น

หากพูดถึงหนึ่งในสะพานที่โดดเด่นที่สุดในยุโรป คงไม่มีใครไม่รู้จัก “สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge)” ซึ่งตั้งตระหง่านเหนือแม่น้ำไรน์ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ความงดงามของโครงสร้างเหล็กที่ผสมผสานกับทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำ ประกอบกับฉากหลังอันสง่างามของมหาวิหารโคโลญจน์ ทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่ผู้มาเยือนในทัวร์เยอรมนีที่ไม่ควรพลาด

สะพานโฮเอินซอลเลิร์นเริ่มต้นสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1907 และเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1911 โดยได้รับการตั้งชื่อตามราชวงศ์โฮเอินซอลเลิร์น ซึ่งเป็นราชวงศ์เก่าแก่ของเยอรมนีที่มีบทบาทสำคัญในการรวมประเทศเยอรมนีในยุคศตวรรษที่ 19 เดิมทีสะพานแห่งนี้ถูกออกแบบให้รองรับทั้งรถไฟ รถยนต์ และคนเดินเท้า โดยถือเป็นสะพานยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของเมืองโคโลญจน์เข้าด้วยกัน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สะพานโฮเอินซอลเลิร์นได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากเป็นเป้าหมายทางทหารที่สำคัญ โดยกองทัพเยอรมันได้ตัดสินใจทำลายสะพานด้วยตนเองในปี ค.ศ. 1945 เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายพันธมิตรใช้สะพานข้ามแม่น้ำไรน์เข้าสู่ใจกลางเมือง อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดสงครามก็มีการฟื้นฟูและสร้างสะพานใหม่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับโครงสร้างเดิม และได้กลายเป็นเส้นทางหลักของรถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

หนึ่งในเอกลักษณ์ที่ทำให้สะพานโฮเอินซอลเลิร์นเป็นที่รู้จักทั่วโลกในยุคปัจจุบัน คือ “กุญแจแห่งความรัก” หรือ Love Locks ที่คู่รักจากทั่วโลกนำมาติดไว้ตามราวสะพาน พร้อมกับเขียนชื่อของตนลงบนกุญแจเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ แล้วโยนกุญแจทิ้งลงสู่แม่น้ำไรน์ โดยประเพณีนี้เริ่มต้นขึ้นราวปี ค.ศ. 2008 และได้รับความนิยมเรื่อยมา จนทำให้สะพานมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกุญแจนับล้านดอก

นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์และความสวยงามที่จับใจแล้ว สะพานโฮเอินซอลเลิร์นยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เข้าด้วยกันได้อย่างงดงาม นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะเดินเล่นบนสะพานเพื่อชมวิวแม่น้ำไรน์ หรือถ่ายภาพคู่กับมหาวิหารโคโลญจน์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองโคโลญจน์

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปเยือนประเทศเยอรมนี สะพานโฮเอินซอลเลิร์นคือสถานที่ที่ควรบรรจุไว้ในลิสต์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่สะพานธรรมดา แต่เป็นสถานที่ที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศเยอรมนีผ่านกาลเวลาหลายยุคหลายสมัย

การได้เยือนสะพานแห่งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นประสบการณ์ทางสายตา หากยังเป็นการสัมผัสจิตวิญญาณของยุโรปอย่างลึกซึ้งอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ควรค่าแก่การแวะเยี่ยมในการเดินทาง ทัวร์ยุโรป ที่จะเติมเต็มทั้งภาพความทรงจำและเรื่องราวในใจของนักเดินทาง