รู้ทันก่อนถูกโจรกรรมข้อมูล
8 WAY TO PREVENT IDENTITY THEFT WHILE TRAVELING
ดูเหมือนว่าเคล็ดลับการเอาตัวรอดจากการถูกต้มตุ๋นหรือขโมยของ จะได้รับการพูดถึงในไกด์บุ๊คแทบทุกเล่ม แต่นักท่องเที่ยวยุค 4.0 กลับมีความเสี่ยงมากกกว่านั้นกับสิ่งที่เรียกว่า “การโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล” (Identity Theft) หรือการแฮ็กข้อมูลส่วนตัวไปใช้อย่างผิดกฎหมาย ที่ดูเหมือนว่าน่ากลัวขึ้นทุกวันและเป็นภัยคุกคามทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มตระหนักถึงความอันตรายกันแล้วสินะ งั้นเราขอพาไปดูวิธีป้องกันทั้ง 8 วิธีกันเลยดีกว่า
1. พกเอกสารเท่าที่จำเป็น
โดยก่อนเดินทาง อาจนำเอกสารหรือบัตรต่างๆ ที่คาดว่าไม่ได้ใช้ระหว่างทริปออกจากกระเป๋า (สตางค์) เพราะกรณีที่สูญหายจะได้ไม่ถูกนำไปแอบอ้างนั่นเอง
2. เก็บเอกสารสำคัญให้มิดชิด
อย่าวางเอกสารสำคัญเรี่ยราดเวลาไม่อยู่ในห้องพัก ควรเก็บให้เป็นที่เป็นทาง โดยเก็บไว้ในตู้เซฟจะปลอดภัยที่สุด
3. ระวังการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่ปลอดภัย
การเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตในโรงแรม คาเฟ่ หรือสนามบิน มักปรากฏคำเตือน “This connection is unsecured and others may see your information” นั่นเท่ากับว่าความเสี่ยงจะเกิดขึ้นกับทุกครั้งที่คุณจิ้มนิ้วลงไปบนคีย์บอร์ด ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใส่ “รหัสผ่าน” ไม่ว่าจะขออีเมลหรือบัญชีธนาคาร
4. ลบประวัติการเข้าชมทุกครั้ง หลังใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ
เพราะเครื่องจะเก็บและจำข้อมูลส่วนตัวของคุณไว้ (รวมถึงเว็บไซต์โซเชียลมีเดียต่างๆ) และถึงแม้เครื่องสาธารณะหลายที่จะลบข้อมูลให้โดยอัตโนมัติ แต่แน่นอนว่าทำด้วยตัวเองย่อมอุ่นใจกว่า
5. ใช้ตู้ ATM ที่ธนาคารเท่านั้น
อีกหนึ่งกลโกงยอดฮิตคือ การติดตั้ง Card Reader บนตู้เอทีเอ็ม ที่จะนำมาซึ่งมาล้วงข้อมูลขจากบัตรของคุณโดยส่วนใหญ่มักเกิดกับตู้ที่ติดตั้งตามโรงแรมหรือร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในมาตรการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร หากเลือกได้ ให้กดเงินกับตู้เอทีเอ็มที่ธนาคารที่ดีที่สุด
6. เช็คค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตอยู่เสมอ
นักท่องเที่ยวมักตกเหยื่อของมิจฉาชีพและมักชะล่าใจที่จะตรวจสอบรายการใช้บัตรเครดิตของตัวเอง ซึ่งกว่าจะกลับถึงบ้านก็อาจสูญเงินไปมากแล้วทางที่ดี ควรหมั่นเช็คยอดค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตอยู่เสมอ
7. ตั้งค่าโทรศัพท์ให้ปลอดภัย
สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ช่วยจำที่ดี่ที่สุดในยุค 4.0 ข้อมูลส่วนตัวของเราส่วนใหญ่จึงบรรจุอยู่ในนั้น ซึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจรกรรมข้อมูล เราควรตั้งค่ารหัสผ่านให้รัดกุม ล็อกเอาท์ออกจากแอปพลิเคชั่นที่มีข้อมูลสำคัญ รวมถึงระมัดระวังการคลิกเข้าไปในลิงค์ที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะบรรดาหน้าต่าง Pop-UP ที่อาจดักจับข้อมูลส่วนตัวของคุณได้
8. เปลี่ยนพาสเวิร์ดหลังจากกลับจากทริป
มิจฉาชีพเหล่านี้ความอดทนสูงพวกมันจะตามแกะรอยข้อมูล แม้คุณจะกลับถึงบ้านได้ 2 สัปดาห์แล้วก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุดจึงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ ไม่ว่าจะกับโทรศัพท์มือถือ บัตรเครดิต หรือบัตรเครดิต ทั้งก่อนและหลังเดินทาง
Cr. ข้อมูลจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว TTAA