พระเจดีย์ชเวสิกอง
พระเจดีย์ชเวสิกอง เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ

เจดีย์ชเวสิกอง
ชะเวแปลว่า ทอง สิกองแปลว่า มัดไว้ หรือชัยชนะ จึงแปลความได้ว่า "เจดีย์แห่งชัยชนะ" เป็น 1 ใน 5 แห่งของมหาบูชาสถานที่สำคัญสูงสุดของชาวพม่าเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุด เป้นต้นแบบเจดีย์ของพม่า ตั้งอยู่บนพื้นทราย สร้างโดยพระเจ้าอนุรุทธมหาราช เป็นทรงระฆังคว่ำสูง 98 เมตร อยู่บนฐาน 3 ชั้น มีบันไดขึ้นทั้ง 4 ทิศ รูปทรงคล้ายพีระมิดที่มุมประดับเจดีย์รายที่วางบนหม้อน้ำมนต์ แต่ละชั้นมีใบเสมาขนาดเล็กเรียงเป็นราวระเบียง ท้องไม้่ของฐานประดับด้วยแผ่นดินเาเคลือบสลักเรื่องชาดก 550 ชาติ องค์ระฆังมีลวดลายคาดตรงกลาง ใต้สายคาดเป็นลายเฟื่องอุบะ เหนือสายคาดเป็นลายกรวยเชิงสามเหลี่ยม หัวระฆังมีลายพวงอุบะสามเหลี่ยมห้อยลงมา เหนือองค์ระฆังเป็นปล้องไฉน ปัทมบาทปลียอดและฉัตร องค์ระฆังหุ้มด้วยโลหะปิดด้วยทองคำเปลว (ทองจังโกหรือทองสำริดปิดด้วยทองคำเปลว) ให้อิทธพลมายังเจดีย์ของล้านนาไทยด้วย
พระเจ้าอนุรุทมหาราชได้พระเขี้ยวแก้วจากศรีลังกา ได้พระบมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฏ (หน้าผาก) และพระรากขวัญ (ไหปลาร้า) มาจากเมืองศรีเกษตร นำขึ้นหลังช้างเผือกเสี่ยงทายอธิษฐาน ถ้าช้างเผือกไปหยุดที่ใดของสร้างพระเจดีย์ขึ้น แต่ทรงสร้างได้เพียงฐาน 3 ชั้น ก็สวรรคต พระเจ้ากยันสิตทรงสร้างต่อโดยระดมแรงงานและช่างขนหินจากภูเขาตะยูวินมาสร้าง จนเสร็จภายใน 7 เดือน
ชเวสิกอง มีความหมายว่า “เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ” สร้างโดย พระเจ้าอโนรธา มหาราชองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ทรงส่งราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎก 30 คัมภีร์จากเมืองสะเทิมของพวกมอญ แต่พระเจ้ามอญพระนามว่ามนุหาไม่ทรงยินยอม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธายกกองทัพไปรบตีชนะเมืองมอญ ทรงอัญเชิญพระไตรปิฎกมายังเมืองพุกาม และได้กวาดต้อนชาวบ้านรวมทั้งกษัตริมอญให้มาเป็นเชลยศึกที่พุกาม เจดีย์ชเวสิกองสร้างแล้วเสร็๗ในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทธา เมื่อปี พ.ศ. 1656
ด้านในเจดีย์ นั้นบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
ลักษณะของเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับลายงดงามด้วยเฟื่องอุบะและแถบคาดรอบองค์ระฆังที่เรียกว่า “รัดอก” แซมลวดลายประดับทั้งขอบล่างและขอบบน องค์เจดีย์หุ้มด้วยแผ่นทอง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น รวมความสูงจากฐานถึงยอด 53 เมตร หรือกว่า 170 ฟุต รอบระเบียงมีภาพแผ่นเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดกสอนใจคน
บริเวณลานหน้าบันได ทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออก มีหลุมขนาดเล็ก เรียกว่า “หลุมสมดุลเจดีย์” ใส่น้ำไว้สำหรับนั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ ชาวพม่าเล่าขานว่าหลุมนี้มีมาตั้งแต่สมัยพุกามแล้ว โดยช่างสมัยโบราณใช้ดูสมดุลไม่ให้เจดีย์เอียงขณะก่อสร้าง และบ้างก็ว่าเพราะเจดีย์มีความสูงมาก จึงต้องทำหลุมไว้ให้พระมหากษัตริย์เสด็จฯมาบำเพ็ญพระราชกุศล ได้ทอดพระเนตรยอดเจดีย์ได้ชัดเจน อีกทั้งอาการที่ต้องคุกเข่าดู ก็เป็นการแสดงความคารวะพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
สิ่งมหัศจรรย์ 9 ประการของพระเจดีย์ชเวซิกอง ได้แก่
- ยอดพระเจดีย์และฉัตรไมีมีการเสริมเหล็ก ไม่มีเหล็กยึด
- เงาของพระเจดีย์ไม่เคยล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยม หากล้ำออกจะถือเป็นลางร้าย
- กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวยอดพระเจดีย์ ไม่เคยปลิวออกนอกฐานพระเจดีย์
- ภายในบริเวณพระเจดีย์รองรับผู้คนได้มากมาย ไม่เคยเต็มรับได้ไม่จำกัด
- แม้จะเช้าเพียงใด ก็สามารถพบข้าวสวยร้อนๆ อยู่ในบาตรทุกวันเสมอ
- แม้จะตีกลองเสียงดังเพียงใด ฝั่งตรงข้ามก็จะไม่ได้ยินเสียงกลองนั้น
- ฝนตกหนักเพียงใด น้ำก็ไม่เคยท่วมขังในเขตพระเจดีย์เลย
- ต้นพิกุลจะออกดอกส่งกลิ่นหอมตลอดปี (ปกติออกปีละ 1 ครั้ง เท่านั้น)
- เจดีย์ตั้งอยู่บนพื้นราบ แต่กลับมองดูแล้วเหมือนตังอยู่บนที่สูง
ทัวร์พม่า ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี ซึ่งเจดีย์ชเวสิกอง ก็เป็นหนึ่งในเจดีย์ที่มีชื่อเสียงของพม่าอีกด้วย