พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ
เจดีย์ที่มีสูงทีสุดในพม่า สูงจนต้องแหวนหน้ามอง พลาดไม่ได้เมื่อมาทัวร์พม่า
ตามตำนานการสร้างเจดีย์ชเวมอดอว์ หรือพระธาตุมุเตา เล่ากันว่ามีพ่อค้าชาวมอญ 2 คนได้พระเกศาของพระพุทธเจ้ามาจากอินเดีย ได้สร้างพระเจดีย์นี้ขึ้นเป็นที่ประดิษฐานของพระเกศา พระเจ้าแผ่นดินทั้งพม่าและมอญเคารพนับถือมากจึงได้มีการบูรณะพระธาตุมุเตามาด้วยกันหลายรัชกาล จึงทำให้แบ่งแยกเจดีย์องค์พระธาตุได้ยากกว่าเป็นแบบใดๆ ในปัจจุบัน ซึ่งผสมกันได้อย่างกลมกลืนทั้งศิลปะพม่าและมอญ กล่าวคือ ฐานเจดีย์ของพม่าเป็นสี่เหลี่ยม มักมีบันไดทางขึ้นได้ทั้งสี่ทิศ ฐานสี่เหลี่ยมจะซ้อนกันขึ้นไป 3 ชั้น เช่นเดียวกับเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา เชื่อกันว่าพระเจ้าบุเรงนองมาสร้างไว้หลังจากตีกรุงศรีอยุธยาได้ และองค์เจดีย์ของพม่านั้นมีองค์ระฆังเหนือขึ้นไปจะไม่มีบัลลังก์ (แท่งรูปสี่เหลี่ยมอยู่เหนือระฆังพระสงฆ์) ส่วนฐานเจดีย์มีองค์ระฆัง ไม่มีบัลลังก์ ก่อนจะถึงยอดจะมีรูปที่เรียกว่า ปลี และประดับฉัตรบนยอดสูงสุด ซึ่งพม่าจะม่มีในส่วนนี้
องค์พระธาตุมุเตานี้ได้เกิดพังทลายลงมาทั้งองค์จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2460 แต่เนื่องจากเป็นเจดีย์ทีมีผู้คนเคารพนับถือกันมาก จึงได้เรี่ยไรบริจาคเงินมาบูรณะซ่อมแซมเจดีย์นี้ขึ้นมาใหม่ และยังคงเก้บรักษาชิ้นส่วนของเจดีย์องค์เดิมที่พังลงมาให้คนได้ดูอยู่บนเนินด้านหลังขององค์พระธาตุุ แต่น่าเสียดายที่ทาสีเสียใหญ่เป็นสีแดงเข้ม ทำให้ดูเหมือนใหม่เสียบรรยากาศไปหมด ยังดีที่ว่ามีแผ่นป้ายภาษาพม่าบนพื้นสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดง ประกาศบอกว่าเป็นชิ้นส่วนขององค์เจดีย์องค์เดิมที่พังลงมาเมื่อคราวแผ่นดินไหว เมื่อ 85 ปีมาแล้วนั่นเอง
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ (Shwemawdaw Paya) เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษาพม่า และคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย เมื่อมา เที่ยวพม่า ก็ควรจะหาโอกาสมาสักการะพระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้เพื่อเป็นสิริมงคล