ปราสาทฮิเมจิ
ปราสาทฮิเมจิ เป็นปราสาทญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ปราสาทฮิเมจิเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิง พ.ศ. 2538 ปราสาทฮิเมจิได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2536 ปราสาทฮิเมจิเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมัตสึโมโตะ และปราสาทคูมาโมโตะ
ปราสาทฮิเมจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆในบริเวณปราสาทถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น และรอบๆปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับ เขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่างๆในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบๆอาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย ระหว่างที่ศัตรูกำลังหลงทางอยู่นี้ก็จะถูกโจมตีจากข้างบนอาคารหลักได้โดยสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม ปราสาทฮิเมจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีในลักษณะนี้เลย ระบบการป้องกันต่างๆจึงยังไม่เคยถูกใช้งาน ประวัติ เมื่อปี 1346 อากามัตสึ ซาดาโนริ ได้วางแผนที่จะสร้างปราสาทขึ้นที่เชิง เขาฮิเมจิ ที่ซึ่งอากามัตสึ โนริมุระ ได้สร้างวัดโชเมียวขึ้น หลังจากอากามัตสึเสียชีวิตในสงครามคากิตสึ ตระกูลยามานะได้เข้าครอบครองปราสาท แต่หลังจากสงครามโอนิน ตระกูลอากามัตสึก็ยึดปราสาทกลับมาได้อีกครั้ง ปี 1580 โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ได้เข้ามาเป็นผู้ปกครองปราสาท และมีการสร้างหออาคารหลักสูง 3 ชั้น
ปราสาทฮิเมจิ ยังเป็นสถานที่ ๆ เป็นที่รู้จักกันดีในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับผีที่ขึ้นชื่อ เรื่อง "ผีนับจาน" หรือซารายาชิกิ คือ เรื่องราวของโอกิกุ สาวใช้ของซามูไรผู้หนึ่งที่ทำจานล้ำค่าของตระกูลซามูไรแตก จึงถูกลงโทษด้วยการโยนร่างลงในบ่อน้ำ โดยในเวลาค่ำคืนจะมีผู้ได้ยินเสียงผู้หญิงโหยหวนดังมาจากบ่อน้ำเป็นเสียงนับจานช้า ๆ จนครบเก้าใบ ซึ่งบ่อน้ำนี้ยังปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามตำนานนี้ยังมีการเล่าขานในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
ตามตำนานเล่าว่า
ครั้งหนึ่งมีคนใช้คนสวยชื่อโอกิคุ เธอทำงานให้กับซามูไร Aoyama Tessan และซามูไรท่านนี้ก็หลงรักนางโอกิคุมักจะปฏิเสธเขาบ่อยๆ เมื่อเขาบอกว่า เขารักเธอและต้องการแต่งงานกับเธอ เมื่อไม่สมหวัง ดังนั้นเขาจึงหลอกให้เธอเชื่อว่าเธอทำจานเดลฟท์ ซึ่งเป็นสิ่งของอันล้ำค่าหนึ่งในสิบจานของครอบครัวหาย ปกติแล้วอาชญากรรมดังกล่าวในสมัยนั้นจะส่งผลให้เธอเสียชีวิต ด้วยความคลั่งไคล้ เธอนับครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งเก้าแผ่นอยู่หลายครั้ง เธอก็ยังหาจานใบที่สิบไม่เจอและเดินไปที่อาโอยามะด้วยน้ำตาที่รู้สึกผิด ซามูไรเสนอที่จะมองข้ามเรื่องนี้หากในที่สุดเธอก็กลายเป็นคนรักของเขา แต่เธอก็ปฏิเสธอีกครั้ง อาโอยามะโกรธจัดจึงโยนเธอลงไปในบ่อน้ำจนตาย
ว่ากันว่าโอกิคุ กลายเป็นวิญญาณพยาบาทที่ทรมาน วิญญาณของเธอยังคงนับถึงเก้าแล้วส่งเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวเพื่อเป็นตัวแทนของจานที่สิบที่หายไป หรือบางตำนานเล่าว่า บางทีเธอทรมานตัวเองและยังคงพยายามหาจานที่สิบ แต่ร้องไห้ ออกไปด้วยความทุกข์ทรมานที่เธอไม่เคยทำได้ แต่ในบางเวอร์ชั่นของเรื่อง การทรมานนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งหมอผีหรือเพื่อนบ้านตะโกน "สิบ" ด้วยเสียงอันดังเมื่อสิ้นสุดการนับ ในที่สุด ผีของเธอก็โล่งใจที่มีคนหาจานให้เธอ ไม่ได้หลอกหลอนซามูไรอีกต่อไปนั่นเอง