ทัวร์กระบี่ ดำน้ำ ชมทะเลแหวก
รีวิวทริป ทัวร์กระบี่ 2 วัน 1 คืน
การเดินทางครั้งนี้ เราต้องการแบบลุยๆ ตัดสินใจจองรถทัวร์กระบี่ทั้งไปและกลับเพื่อให้ ผู้มาเล่าประสบการณ์การเที่ยวด้วยรถทัวร์กันสักครั้ง
เราเริ่มจาก ขึ้นรถทัวร์ที่หมดชิต (กรุงเทพฯ) เวลา 18.30 แต่กว่าจะออกก็ปาไป 19.00 น. เลยล่ะค่ะ
เราใช้บริการของ บขส. ขาไปเราไม่ได้เตรียมซื้ออาหารกันไว้เลย ส่วนบนรถก็จะมีอาหารว่างเสริฟให้ค่ะ แต่ไม่ถูกปากเท่าไหร่ (อาจเป็นเพราะเรื่องเยอะอ่ะ)
23.30 น. พักทานข้าวกลางทางที่ ร้านครัวคุณต้น ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หยุดพักเพียง 30 นาที เมนูนี้ไม่พ้นข้าวต้มค่ะ
แต่น่าทานมาก ขอบอก...
01.15 ออกเดินทางอีกครั้ง ยิงยาวไปถึง บขส. จ.กระบี่ ในเวลา 07.00 น.
มีบริการรถรับจากสถานีขนส่ง เพื่อไปทานอาหารเช้ากันที่ ร้าน “ติ่มซำอาก๋ง” บอกเลยค่ะ มาแล้วต้องติดใจ มาอีกแน่นอน อร่อยเวอร์ ราคาไม่แพง มีทั้งแบบเป็น Set และสั่งตามใจชอบ สนนราคากันที่ เข่งละ 20 บาทเท่านั้น หรือจะเป็นชุด อิ่มคุ้มในราคาเพียง 130 บาท มีให้เลือกทั้ง ข้าวขาหมู /โจ๊ก / บะกู้ดเต๋ และ เสริฟพร้อมกับติ่มซำอีก 4 เข่ง โอ้ย...ทานไม่ไหวค่ะ เยอะเกิน เรียกว่าคุ้มสุดๆ
เดินทางต่อไปที่น้ำตกร้อน กันเลยค่ะ โดยเราจะไปที่บ่อแช่น้ำตกร้อนกันก่อน มองทั่วไปก็เหมือนกับเป็นสระทั่วๆ ไปค่ะ พิเศษตรงที่ น้ำในสระมีอุณหภูมิถึง 40 องศา จะเรียกออนเซ็นก็คงได้เนอะ เรา 2 คนจึงตัดสินใจผ่อนคลายด้วยการนั่งแช่เท้า ลงไปในน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีฝุดๆ
น้ำตกร้อนของจริง อยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นที่สนใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่ไปนอนแช่ ผ่อนคลายในบ่อกันเลยทีเดียว
เดินทางต่อกันที่ สระมรกต สระน้ำธรรมชาติที่มีความงามสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเดิน 2 เส้นด้วยกัน
เส้นทางนี้สำหรับผู้ที่ต้องการชื่นชมธรรมชาติที่สวยงาม 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ยืนต้น ดูร่มรื่นมาก เดินจนเมื่อยเลยค่ะ แต่เหงื่อไม่ออก เพราะอากาศดีมาก แต่สำหรับผู้สูงอายุหรือต้องการไปทางลัด เลือกเส้นทางเข้าจากปากทาง Welcome to EMERALD POOL ระยะทาง 800 เมตรดีกว่าค่ะ
สระแก้ว หนึ่งในสระน้ำที่สวยและใสสะอาด สระนี้ไม่นิยมลงเล่นน้ำค่ะ เพราะข้างใต้มีตะใคร่น้ำอยู่เยอะ จึงได้เพียงแค่แวะชมความงามเท่านั้น
เดินต่ออีกนิดก็ถึง สระมรกตแล้วค่ะ สวยงามดั่งคำล่ำลือจริงๆ
งานนี้ทีมงานเราก็อดไม่ได้ที่จะต้องลงไปสัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำ ของสายน้ำในสระ พร้อมกับเก็บภาพสวยๆ ตามมุมต่างๆ มาฝากกัน
เล่นกันเพลินค่ะ จะบ่ายโมงล่ะ ท้องก็เริ่มร้องหาอาหาร วันนี้เราไปทานกันที่ ร้านครัวมรกต ทานอาหารพื้นบ้านค่ะ
ได้บรรยกาศดีมาก เพราะด้านข้างมีลำธารน้ำที่เชื่อมต่อมาจากสระมรกต น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา วู้ๆๆ ชอบจัง
พญานาคที่ปั้นได้สวยงามมากค่ะ
ขอพรเจ้าแม่กวนอิม
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินทางไปต่อกันที่วัดถ้ำเสือ เพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดนี้ติดหน้าผาสูง เลยเก็บภาพบรรยากาศด้านล่างมาให้ชมกันค่ะ งานนี้ทีมงานไม่ได้ขึ้นไปข้างบนค่ะ (สังขารไม่เอื้ออำนวย) เลยได้แต่ทำบุญ เดินชมสถานที่อยู่ด้านล่างกัน ที่แห่งนี้มีลิงด้วยนะคะ นักท่องเที่ยวต้องระวังด้วย เพราะลิงมักฉกชิงสิ่งของได้
จากนั้นเราก็เดินทางกลับมาที่โรงแรมที่พัก เราพักกันที่ โรงแรมโกลเด้นฮิลล์
หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อยกันแล้ว เราก็ต้องเดินสำรวจพื้นที่กัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย ห่างกันเพียง กิโลนิดๆ แต่เราเลือกที่จะเดินเข้าเมืองโดยการเดิน ซึ่งทำให้ได้สัมผัสกับสถานที่อย่างใกล้ชิดกันมากกว่าค่ะ แวะสักการะ ศาลหลักเมืองของเมืองกระบี่ ที่นี่มีสถานที่ราชการหลายๆ แห่ง เรียกว่า เป็นจุดศูนย์รวมเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สถานีตำรวจ ศาลากลางจังหวัด ฯลฯ
นี่คือจุดหมายของเราค่ะ “ถนนคนเดิน” ถูกใจขาช้อป ขาชิม กันเลยทีเดียว อาหารมีมากมาย หลากหลาย คนเยอะมาก จนไม่มีที่นั่งทานเลยค่ะ สุดท้ายเราก็ต้องออกจากถนนคนเดินเพื่อมาหาร้านอาหารด้านนอก ได้ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง และหมูกรอบกันคนละจาน หลังจากเมื่อยล้ามาทั้งวัน กับกิจกรรมที่เน้นการเดิน ท้องตึง หนังตาก็หย่อน ร่างกายต้องการพักผ่อน เราจึงตัดสินใจกลับโรงแรมด้วยวินมอเตอร์ไซต์กัน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
วันที่สอง
มื้อเช้า เราก็ทานอาหารที่โรงแรมก่อนออกเดินทาง โดยห้องอาหารเปิดบริการตั้งแต่ 06.30 -14.00 น.
8.00 ออกเดินทางด้วยรถบรรทุกสีหวานแหวว เมื่อพร้อมแล้ว...เราก็ออกเดินทางกันเลย
มุ่งหน้าสู่หาดนพรัตน์ธาราในเวลา 8.45 น. เพื่อมารวมตัวกันขึ้นเรือหางยาว โดยทริปนี้เรามีทั้งคนไทยและต่างชาติทั้งหมด 20 คน โดยไกด์ที่น่ารักคนนี้ชื่อ นัทตี้ เธอ Friendly มากเฮฮาปาร์ตี้ ดีมาก
ใช้เวลาเดินทางจากหาดนพรัตน์ธารา ถึง อ่าวไร่เลย์ และ ถ้ำพระนางประมาณ 20 นาที
ที่นี่มีกิจกรรมปีนหน้าผาระดับโลก เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าทาย ส่วนพวกเราได้แต่แหงนคอดูค่ะ ไม่ไหวอ่ะ หวาดเสียว
เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องมาขอพรกับศาลพระนางแห่งนี้ โดยผู้ที่ขอหากสำเร็จแล้วต้องนำปลัดขิก มาแก้บน (อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่บังคับกันนะคะ) ส่วนใหญ่พวกเราจะเก็บภาพความงามธรรมชาติ และ Selfe กันซะมากกว่า
เดินทางต่อไปชมทะเลแหวกกันต่อเลยค่ะ ซึ่งจะผ่าน เกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ ซึ่งทั้ง 3 เกาะนี้จะมีทางเชื่อมกัน เมื่อน้ำลด จะสามารถเดินถึงเชื่อมถึงกันได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า ทะเลแหวกค่ะ แต่ในวันที่เราไปนั้น น้ำทะเลขึ้นสูง จึงไม่ค่อยได้เห็นความงามของทะเลแหวกเท่าที่ควร จากนั้นก็นั่งเรือออกมาอีกสักนิดเพื่อมาดำน้ำดูปะการัง และปลาใต้ท้องทะเล บรรยากาศวันนี้ ไม่ค่อยมีแดดค่ะ ทำให้น้ำไม่ใสเท่าที่ควร อีกทั้งน้ำทะเลก็ขึ้นสูง การดำน้ำที่นี่ เน้นความปลอดภัยค่ะ มีชูชีพให้กับทุกท่าน อีกทั้งอุปกรณ์ดำน้ำ ซึ่งรวมอยู่ในแพ็คเกจแล้ว ถูกมากๆ เลย
จากนั้นเราก็มาที่เกาะปอดะ พักทานข้าว ด้วยอาหารที่ทานได้ทั้งพี่ไทย และ ฝรั่ง นั่นคือ แกงมัสมั่น กับ ไก่ทอด เหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมดำน้ำมา หิวซิคะ รอไร...จัดไป 2 จานโล้ด
พักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนพากลับไปที่หาดนพรัตน์ธารา และกลับโรงแรมค่ะ