ทริปทัวร์อียิปต์ 8วัน 6คืน
รีวิวทริปทัวร์อียิปต์ 8วัน 6คืน แบบสับๆ ในแต่วันพาไปไหนบ้าง วันนี้นางฟ้าจะพาไปเจาะโปรแกรมทัวร์อียิปต์กันคร่าาาาา
ก่อนไป มาดูลักษณะภูมิอากาศของประเทศอียิปต์กันก่อนเลยค่ะ
กลางวันและกลางคืนในอียิปต์มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก อียิปต์มีภูมิอากาศแบบ ร้อน แห้ง และอากาศหนาวระดับปานกลาง แบ่งเป็น 4 ฤดู ดังนี้
- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิ 15 - 32 °C
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อุณหภูมิ 21 - 43 °C
- ฤดูใบไม่ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิ 19 - 34 °C
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิ 8 -20 °C
วันที่ 1 ช่วงเช้าเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ บินสู่ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่องไปสู่สนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ ถึงสนามบินไคโร ช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. โดยแวะรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Peking EI-Maadi Branch Restaurant
วันที่ 2 ของการเดินทางหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว นำท่านบินสู่ สนามบินอัสวาน ประเทศอียิปต์ ใช้เวลาบินประมาณ 1.20 ชั่วโมง นำท่านชมแหล่งหินแร่แกรนิตที่เก่าแก่และเสาหินโอเบลิก ต่อด้วยพาชมเขื่อนอัสวาน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ไฮด์แดม เขื่อนแห่งนี้สร้างในปี 1960 เพื่อใช้น้ำในการทำการเกษตรไร่นาตลอดปี อีกทั้งยังใช้พลังน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในประเทศอีกด้วย และเพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำไนล์ท่วมเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก
จากนั้นนำท่านลงเรือเล็กเพื่อเข้าสู่หมู่บ้านนูเบียน ชมความงาม 2 ข้างทางของแม่น้ำไนล์ ชมวิถีชีวิตของชนเผ่านูเบียนหมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงอนุรักษ์อารยธรรมเก่าอยู่
หลังจากทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร Porto Sono Aswan Restaurant จากนั้นนำท่านล่องเรือใบโบราณ หรือ เรียกว่า “เรือฟลุคกะ” ผ่านชมสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมพันธ์ไมนานาชนิด ผ่านชมสุสานอากาข่าน รวมไปถึงวิธีชีวิตของชาวพื้นเมืองอัสวาน
วันที่ 3 หลังจากรับประทานอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่เมือง อาบูซิมเบล (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) ชมวิหารอาบูซิมเบล หรือ อนุสรณ์สถานแห่งนูเบีย ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโกอีกด้วย แต่เดิมนั้นมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างโดยการเจาะแกะสลักเข้าไปใน ภูเขาหินในช่วงสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล และที่นี่ ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายของพระองค์และพระมเหสี และยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็น การเฉลิมฉลองกับชัยชนะของอียิปต์ที่มีต่อนูเบีย อีกทั้งยังเพื่อเป็นการข่มขู่นูเบียไม่ให้มารุกรานอียิปต์ ทางซ้ายจะมีวิหารที่สร้างไว้ติด ๆ กันคือ วิหารที่ Ramses II สร้างเอาไว้เป็น อนุสรณ์แด่พระนาง Nefertari ซึ่งเป็นพระราชินีที่พระองค์รักและโปรดมากที่สุด มีรูปสลักของ ฟาโรห์รามเสสที่สองในท่ายืนสี่รูป สลับกับรูปสลักของราชินีเนเฟอร์ทารี่ในท่ายืนอีกสองรูป ตรงตําแหน่งเท้า มีรูปสลักของโอรสและธิดา แม้วิหารมีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็ถูกทรายจากทะเลทรายพัดมากลบทีละเล็กละน้อยในระยะเวลาพัน ๆ ปีจนมิด จนกระทั่งฝรั่ง นักท่องเที่ยวชาวสวิสเข้ามาค้นพบเข้าเมื่อปี ค.ศ. 1813 คือประมาณร่วม 189 ปี มาแล้ว และ เมื่อราว ค.ศ. 1964 ก็หวิดจะสาบสูญอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้จะจมลงไปใต้น้ําเพราะหลังจากอียิปต์จึงสร้างเขื่อนกั้นน้ําอัสวานแล้ว น้ําในทะเลสาบนัสเซอร์สูงขึ้น
สำหรับมื้ออาหารกลางวันจะเป็นแบบบุฟเฟต์ หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย ชมวิวทั้งสองฝั่งของแม่น้ําไนล์ จนเวลาเย็นก็จะรับประทานอาหารค่ําา ภัตตาคารในเรือ บุฟเฟต์ คืนที่3 นี้เราจะพักบนเรือสําราญที่ล่องในแม่น้ําไนล์
วันที่4 หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เรือก็จะล่องไปถึงถึงเมือง คอม ออมโบ เรือเทียบท่าแล้ว นําท่านออกเดินทางไปชม วิหารคอมอมโบ วิหารคู่โบราณ (Temple of Kom Ombo) ตั้งอยู่เหนือเขื่อนอัสวานประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นวิหาร ปละกรีก-โรมัน ทสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าสององค์คือ เทพโซเบค มีเศียรเป็น จระเข้ วิหารแห่งนี้อยู่ด้านขวามือ ส่วนวิหารทางด้านซ้ายบูชาเทพฮอรัส (Horus) มีเศียร เป็นเหยี่ยว เทพเจ้าแห่งการต่อสู้และความกล้าหาญ ถัดไปจากทางซ้ายมือ จะเห็นบ่อน้ําที่ มีปากบ่อเป็นรูปกุญแจโบราณหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Key of life สร้างขึ้นมาด้วยภูมิ ปัญญาของคนโบราณเอาไว้ใช้วัดความสูงของแม่น้ําไนล์เพื่อเก็บภาษีประจําปี รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคารในเรือ บุฟเฟต์
ในช่วงบ่ายเรือล่องถึงเมืองเอ็ดฟู (Edfu) จากนั้นนั่งรถเทียมม้าไปชม วิหารเอ็ดฟู ซึ่งที่นี่มักนิยมใช้ม้าเป็นพาหนะ วิหารแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด ตั้งอยู่ ศูนย์กลางของบริเวณที่อยู่อาศัย สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้าฮอรัส มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็น เทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบรู้ มองได้ไกลเหมือนตาเหยี่ยว เดิมวิหารถูกปกคลุมด้วยทรายเกือบถึงยอดตัวเสาและหัวเสาเป็นเวลานาน ปี ค.ศ. 1860 มีการขนทราย ปรากฏว่า ตัววิหารยังแข็งแรง แน่นหนา ขนาดของวิหารยาว 137 เมตร มีเสาใหญ่แบบไพรอนที่วัด ได้ 79 เมตรตรงด้านหน้าและสูง 36 ม. วิหารนี้มีขนาดใหญ่และสวยงาม จากนั้นเดินทาง กลับขึ้นเรือ ล่องสู่ เมืองอีสนา Esna เพลิดเพลินและพักผ่อนกับบรรยากาศบนเรือ ชมวิวของสองฝั่งแม่น้ําไนล์พักผ่อนตามอัธยาศัย และในค่ำคืนนี้เพื่อให้ท่านได้เตรียมแต่งกายในชุดประจําชาติอียิปต์ พร้อมร่วมงาน **Galabia Party at Loungte Bar และถ่ายรูปเก๋ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
วันที่ 5 หลังจากรับประทานอาหารเช้า พาท่านชมเมืองลักซอร์ เมืองริมแม่น้ําไนล์ที่เต็มไปด้วยวิหารหินทรายกับสุสานกษัตริย์ที่ลึกลับของอียิปต์โบราณที่ทําให้ลักซอร์ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุด ชม เขตเวสต์ แบงค์ (West Bank) หรือเมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ําไนล์ นําท่านเที่ยวชม อนุสาวรีย์ แห่งเมมนอน (Colossi of Memnon) รูปสลักหินทรายขนาดใหญ่ 2 รูป มีความสูงถึง 20 เมตรซึ่งสมัยก่อนเป็นวิหารที่ใช้ฝังพระศพของฟาโรห์อเมนโนฟิสที่ 3 แต่เมื่อ 27 ปีก่อน คริสตกาลเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ทําให้ตัววิหารทั้งหลังพังลงมา เหลือเพียงรูปสลัก 2 รูป จากนั้นนําท่านไปชม หุบผากษัตริย์ (Valley of The Kings) ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของ ฟาโรห์ 62 พระองค์ แยกตามสุสานต่าง ๆ ในบริเวณหุบผา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าผาบัน ที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินทรายสีแดง ในแต่ละสุสานต้องใช้การขุดเจาะภูเขาเข้าไปทําเป็น ช่องทางลับภายใน จะทําทางเดินเป็นช่วง ๆ และทําเป็นห้องสําหรับวางโลงศพ สมบัติ ข้าว ของเครื่องใช้ส่วนตัวของฟาโรห์ ชมความอัศจรรย์ของภาพวาดตามผนังจากสีธรรมชาติที่มี อายุเป็นพัน ๆ ปีจากยุคฟาโรห์แต่ยังคงความสวยงามไว้จนถึงยุคปัจจุบันนี้
หุบผากษัตริย์
ตลาดลักซอร์
หลังจากทานอาหารกลางวันกันแล้ว นําท่านชม เขตตะวันออก (East Bank) มหาวิหารคาร์นัค (The Temple of Kamak) เป็น วิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัววิหารหลังเดียวมีเนื้อที่ถึง 60 เอเคอร์ ซึ่งใหญ่พอที่จะนําโบสถ์ ขนาดใหญ่ของยุโรปไปวางได้ถึง 10 หลัง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ ทุตโม ซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่เทพอมอน หลังจากนั้น อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย ณ ตลาดลัคชอร์
วันที่ 6 นําท่านเดินทางสู่สนามบินลัคซอร์ เพื่อเดินทางกลับ ไคโร รับประทานอาหาร แบบ Lunch Box เน้นสะดวกในการเดินทาง และเดินทางสู่ สนามบินกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เดินทางถึงสนามบินไคโร หลังจากนั้น เดินทางเข้าสู่กรุง ไคโร อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
สนามบินไคโร
รับประทานอาหารค่ํา ณ ภัตตาคาร Bao Khao Restaurant
วันที่ 7 รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม หลังจากนั้นเดินทางไปเมืองกีซา (Giza) เพื่อชมมหาปิรามิด (Great Pyramid) ที่ชาวกรีกยกย่องว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นชื่อเรียกของสถานที่ฝังพระศพของเจ้าเมืองเลโท โพลิสโบราณ (ปัจจุบันคือ ไคโร) ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตร.ม. และเป็นที่ตั้งของมหาปิรามิด 3 องค์ มีขนาด ลดหลั่นกันตั้งเรียงรายท่ามกลางทะเลทราย โดยปีรามิดทั้งสามองค์นี้ เป็นอนุสาวรีย์ทรงเรขาคณิต อีกทั้งยังมี สฟิงซ์ (Sphinx) ขนาดใหญ่สุดในโลกที่สลักจาก เป็นหินธรรมชาติสูง 21 เมตรยาว 73 เมตร อยู่ด้านหน้าทางเข้าปีรามิด ส่วนหัว เลียนแบบพระพักตร์เทพฮาร์มาคิส ลําตัวเป็นสูง 20 เมตร ความยาวตลอดลําตัว 57 เมตร หลังจากนั้น นําท่านแวะชม โรงงานผลิตหัวน้ําหอม ซึ่งกล่าวกันว่าการทําน้ําหอมนี้มี สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรา และที่นี้ยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิตหัวน้ําหอม ขนาดใหญ่ ให้กับน้ําหอมแบรนด์เนมดังๆหลายยี่ห้ออีกด้วย นําท่านแวะชม ศูนย์กลางการท่ากระดาษปาปิรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกท่าจากต้นกก (Papyrus) ใช้ บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์สําคัญต่าง ๆ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า มีการใช้กระดาษที่ทําจากปาปิรุสมาตั้งแต่ปฐมราชวงศ์ของอียิปต์ หรือราวๆ 3,000 ปีก่อน คริสตกาล หลังจากนั้น นําท่านสู่เมือง ซัคคาร่า
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Sakkara Country Club Sakkara Restaurant
หลังจากนั้น นําท่านเดินทางสู่ ซัคคารา (Saggara) สุสานโบราณตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ํา ไนล์ทางตอนใต้ของเมืองกีซ่า ยุครุ่งเรืองของซัคคาราอยู่ในสมัยเมมฟิส (MEMPHIS ใน อาณาจักรยุคเก่าราว 2620-2600 ปีก่อนคริสต์กาล) ใช้สถานที่ตั้งของสุสานกษัตริย์และ ขุนนางชั้นสูง ที่เรียกว่า มัสตาบา สุสานฟาโรห์ในยุคแรก ๆ และพีระมิดแบบขั้นบันได เมื่อ กาลเวลาและผู้คนได้ทิ้งร้าง ซัคคาราจึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองปีศาจแห่งอียิปต์เนื่องจากเป็นตั้ง สุสานชิคคารา นับว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ภายใต้ความลึก 9 เมตร นักโบราณคดีก็เพิ่งค้นพบโลงปูนโบราณ 5 โลง โลงไม้ 4 โลง ซึ่งบรรจุมันมีอยู่ภายใน และยังพบ เครื่องปั้นดินเผา ushabti หรือรูปปั้นขนาดเล็ก ที่ชาวอียิปต์โบราณมักฝัง ร่วมกับโลงศพ เพราะเชื่อว่าจะนําทางผู้วายชนม์ในโลกหลังความตาย หลังจากนั้น ออก เดินทางสู่เมืองเมมฟิส (Memphis) ไปชมเมืองหลวงเก่าแก่แห่งแรกในยุคอียิปต์โบราณกว่า 5,000 ปี เข้าชมในพิพิธภัณฑ์รามเสสที่ 2 จะได้ชม รูปแกะสลักขนาดยักษ์ ด้วยหินอลาบา สเตอร์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ฝีมือการแกะสลักเป็นเยี่ยม ระหว่างทางจะได้เห็นตัวฐาน รากของสถานที่โบราณและรูปแกะสลักจากหินที่ยังหลงเหลืออยู่ในระดับพื้นดิน จากนั้น Free shopping time ตลาดย่านแอลคาลิลี่ (KHAN EL KHALILI) ซึ่งที่นี่มีร้านค้า จํานวนมากจําหน่ายจิวเวลรี่, ของที่ระลึก, เครื่องเทศ, เสื้อผ้า เยอะแยะมากมาย เดินช็อป ปิ้งกันสนุกมากครับที่นี่ มาถึงวันสุดท้ายแล้วก็อยากให้เป็นเวลาของทุกท่านอิสระให้เต็มที่ ซื้อของฝาก หรือจะหาร้านเก๋ๆ นั่งทอดอารมณ์มองผู้คนก็แล้วแต่สะดวกกันเลยจ้า
สำหรับมื้อค่ํา ภัตตาคาร Naguib Mahfuz Restaurant (มื้อที่ 19) ได้เวลาพอสมควร นําท่านเดินทางสู่ สนามบินไคโร กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อให้ ท่านมีเวลาในการทําเช็คอิน และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษี
วันที่ 8 บินกลับสู่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน เพื่อเปลี่ยนเครื่องสู่ประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ