คินาลาลูปาร์ค
เกาะบอร์เนียวเป็นเกาะที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก ที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลจีนใต้แห่งนี้ถูกตัดแบ่งซอยเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนล่างคือ กลิมันตันของอินโดนีเซีย ส่วนเล็กสุดคือ บรูไนดารุสซาเลม และอีก 2 ส่วนคือ 2รัฐของมาเลเซีย ซาราวักและซาบาห์ ดินแดนรูปหัวสุนัขตอนเหนือของเบอร์เนียว
อารมณ์และความรู้สึกในครั้งแรกที่ได้มาทัวร์มาเลเซียได้มาสัมผัสความบริสุทธิ์ในผืนป่า ณ คินาบาลูปาร์ก เมืองโกตาคินาบาลู เมืองหลวงของรัฐซาบาห์ ถึงแม้ส่วนที่ไปจะเป็นเพียงศูนย์ศึกษาธรรมชาติก็เถอะ ที่นี่มากมายไปด้วยพรรณไม้งามที่ล้วนหาชื่นชมได้ยากยิ่งในผืนป่าธรรมชาติ อย่างกล้วยไม้รองเท้านารี หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นต้น ด้วยความหายากราคาเลยดี ส่งผลให้ถูกลักลอบนำออกจากป่ามาขายให้กับผู้พิศมัยธรรมชาติแต่ไม่ยอมเข้าหาธรรมชาติอย่างไม่คิดถึงอะไรทั้งสิ้น
ตลอดสองข้างคือความครึ้มเขียวด้วยลำต้นที่ถูกปกคลุมจากมอสแลเฟิร์น มีป้ายบอกสถานภาพของพืช เช่น สีดำสามารถพบเห็นได้ทั่วไป สีเขียวหมายถึงกล้วยไม้ สีแดงพบได้ที่นี่เท่านั้น และสีน้ำเงินเป็นยาสมุนไพร มีธารน้ำใสสายเล็กสายน้อยไหลรวยรินจากภูเขาใหญ่ ลดเลี้ยวมารวมเป็นหนึ่งเดียวมอบความเย็นให้กับพืชพรรณ ผู้ที่ชื่นชอบการอยู่กับธรรมชาติคงต้องถึงกับอยากหลับใหลอย่างสบายใจในอาณาจักรแห่งนี้เป็นแน่แท้ เพราะมันดูร่มเย็นสบายตามากๆ
คินาลาลูปาร์ค นี้ครอบคลุมพื้นที่ 754 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งยอดเขาคินาบาลู ยอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชียอาคเนย์ที่ความสูง 13,455 ฟุตหรือ 4,101 เมตรด้วย ซึ่งค่ำคืนแรก ณ ดินแดนนี้คงได้ยืนมองคินาบาลูจากความสูงประมาณ 1,300 เมตร จากห้องพักกลางหุบเขาซึ่งมีบรรยากาศคล้ายๆ บ้านบนดอยแถวๆเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอนบ้านเรา
อีกจุดที่น่าสนใจเมื่อมาทัวร์มาเลเซีย อีกหลังหนึ่งคือ Bonggi House ซึ่งบ้านของเขาจะมีหอสูงมีการล๊อกอย่างดีไว้ให้กับลูกสาวของเขาขึ้นไปหลับนอน ใช่ว่าเป็นการลงโทษขังเดี่ยวบนหอคอยแบบเจ้าหญิงผู้น่าสงสารหรอกนะ แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อกันเหล่าโจรสลัดมาฉุดไป นอกจากส่วนกลางแจ้งแล้ว ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยาของชนเผ่าต่างๆ ที่เป็นบรรพบุรุษของคนที่นี่โดยมี 3 เผ่าใหญ่ๆ คือ คาดาซันดูซุน บาเจาหรือซียิปซี และมูรุส ซึ่งดูจากการแต่งกายและเครื่องมือเครื่องใช้แล้วคล้ายๆ ชาวเขาบ้านเรา บางทีก็ออกไปทางชาวอินเดียนแถบอเมริกาใต้อยู่เหมือนกัน เช่น การร่ายรำเพื่อความฮึกเหิมก่อนออกรบ หรือ การตัดหัวศัตรูผู้พ่ายแพ้ และมีประเพณีการต่อสู้หน้าสาวงามเพื่อแสดงพลังและความแข็งแกร่งให้ว่าที่พ่อตาและสาวเจ้าได้เห็นว่า สามารถปกป้องครอบครัวในอนาคตได้
ตามความเชื่อของชนพื้นเมือง เชื่อว่า “นานมาแล้วบนยอดคินาบาลูแห่งนี้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณบรรพบุรุษ และยังเป็นที่ร่ำลือว่ามีไข่มุกวิเศษ ซึ่งไม่มีใครกล้าขึ้นไปเอาเพราะมีมังกรใหญ่ดูแลรักษาอยู่ ซึ่งครั้งมีผู้หาญกล้าปีนป่ายขึ้นไปก็ไม่เคยได้เห็นเขากลับมาอีกเลย ชาวบ้านเชื่อว่า ถ้าไม่ถูกมังกรร้ายสังหารก็คงถูกดูดวิญญาณบรรพบุรุษจัดการเสียแล้ว”